ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น
ประโยคนี้ บ้างก็ว่า ถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น
http://academic.obec.go.th/thaipage/d5.htm
แต่จะเขียนอย่างไรก็ตาม ความหมายก็ยังเหมือนเดิม
นั่นคือ อะไรเรื่องเล็ก เห็นชัด เห็นง่าย ถนัดตา
พอเป็นเรื่องใหญ่ จะไม่รับรู้ว่ามีอยู่ เพราะมันใหญ่ไป หรือหนีไปไกล ๆ จะได้เห็นเป็นเรื่องเล็ก
ผมเชื่อว่าไม่ได้แกล้งทำนะครับ ไม่เห็นจริง ๆ อาจเกิดจากกลไกทางจิตวิทยาอะไรสักอย่าง
ดูเหมือนว่า เรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิตของเรา เราก็ทำแบบเดียวกัน ไม่ว่าระดับรายคน หรือระดับสังคม
ตัวอย่างเช่น ทำไมปัจจุบันผู้ชายหายไปจากรั้วมหาวิทยาลัย ? (ผมเคยเขียนบทแซวทีเล่นทีจริงไว้ใน มนุษย์ล่องหน โดยอิงข้อเท็จจริง)
เป็นแนวโน้มใหญ่ที่เกิดมา 20 ปีแล้ว แต่หลาย ๆ ท่านก็ไม่ได้เอะใจ ไพล่คิดไปว่าเพราะโครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลง
ถ้าไม่แก้โดยเร็ว รับรองได้ครับ ว่าโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยนแปลงแน่
ในอนาคต ถ้าสัดส่วนผู้หญิงเรียนจบปริญญาสูง ๆ มีมาก แต่ผู้ชายที่เรียนสูงใกล้เคียงมีน้อย โดยค่านิยมสังคม จะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากเดา แต่เชื่อว่าคงเห็นโครงสร้างประชากรที่ผิดปรกติก็คราวนี้แหละ
ความเห็น (1)
ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul...
- เรื่องที่อาจารย์ยกมาน่าสนใจมากครับ...
ประชากรโลกอายุยืนขึ้น >
- ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย 5-10 ปี > กลุ่มคนสูงอายุเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีผู้หญิงเป็นเสียงข้างมาก
ผู้หญิงมีแนวโน้มจะมีวินัยทางการเงินดีกว่าผู้ชาย
- เช่น เก็บออมมากกว่า ดื่มเหล้าน้อยกว่า ฯลฯ... ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า นายทุนใหม่ + ชนชั้นกลางใหม่จะเป็นผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆ
John Neisbit เขียนในหนังสือ Megatrends for women ว่า
- ผู้หญิงบริหารการเงินได้ดีกว่าผู้ชาย เพราะมี "วิจารณญาณ" ดีกว่า รอบคอบกว่า ทำให้เกิด risk avoidance (หลบหลีกความเสี่ยง) ได้ดี
- แนวคิดทางการเงินปัจจุบัน.... แนะนำ risk taking หรือการเสี่ยงลงทุน อ้างว่า ยิ่งเสี่ยงมาก ยิ่งได้มาก (high risk, high gain)
ทว่า... ผู้หญิงเก่งทางบริหารแบบเต๋า (ใช้พลังหยิน) ถือหลักแบบอาจารย์กังฟูที่ว่า "หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน"
- เมื่อวางแผนอย่างรอบคอบ > เกิดภาวะ "เสี่ยงต่ำ ได้พอประมาณ (low risk, optimum gain)" ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มจะเป็นนักลงทุนที่ดีเช่นกัน
- กองทุนรวมที่ผู้หญิงบริหารมีแนวโน้มจะได้กำไรค่อนข้างมากเช่นเดียวกับหลักการข้างต้น
- หลักการบริหารการเงินแบบเต๋าคล้ายกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงมากทีเดียว...
ขอขอบคุณครับ...