เคลื่อนทัพจัดการความรู้ กรมอนามัย ตอนที่ 10 ... ส่งต่อสิ่งดีดี สำหรับปี 2550


การจัดการความรู้ในสังคมไทยปัจจุบันก็กำลังเดินทาง จากการจัดการความรู้แบบไม่มีระบบ ไม่รู้ตัว ... เข้าสู่การจัดการความรู้ที่มีระบบ มีวิธีการ รู้ตัว ... แล้วในที่สุด เราน่าจะก้าวเข้าสู่สภาพการจัดการความรู้ที่ชำนาญ จนไม่ต้องรู้ตัว อย่างไร้กระบวนท่า แต่ว่าเป็นคนระดับกับการไม่มีกระบวนท่า ... นี่คือ การเดินทางของพวกเรา

 

ตอนนี้อาจจะถือว่า มีผู้ช่วยอันเก่งกาจนะคะ (ช่วยดิฉันสรุปให้ชาวกรมอนามัยได้เรียนรู้เยอะเลย)

เธอเป็นสิงห์ปืนไว ลงข้อมูลนี้ไปให้แล้ว ใน GotoKnow คุณเล็ก (ศุภลักษณ์ หิริวัฒนวงศ์  แห่งสถาบันบำราศนราดูร ฉายา ชุมชนคนชุดเขียว ค่ะ) ดิฉันก็เลยขอถือโอกาส link ซะเลย อ่านได้ที่นี่นะคะ 2 วันแห่งความสุข...ตอนที่ 4 : ส่งต่อ...สิ่งดี ๆ ขอบคุณคุณเล็กมากๆ ค่ะ

และสรุปปิดงาน มหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ 3 ที่ ไบเทค บางนา ครั้งนี้ โดย อ.วิจารณ์ ... อาจารย์ท่านให้ความรู้เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของชาว KM ไว้มากมาย ลองฟังกันดูนะคะ

  • การจัดการความรู้ ... คนไทยมีพัฒนาการมายาวนาน ที่มีการใช้โดยไม่รู้สึกตัว มองมุมหนึ่งก็เป็นการดี แต่มองอีกมุมหนึ่งก็มีพลังน้อย เพราะว่าทำอย่างไม่เข้าใจวิธีการจัดการ ไม่เข้าใจกระบวนการ ไม่มีเป้าหมาย
  • การจัดการความรู้ในสังคมไทยปัจจุบันก็กำลังเดินทาง จากการจัดการความรู้แบบไม่มีระบบ ไม่รู้ตัว ... เข้าสู่การจัดการความรู้ที่มีระบบ มีวิธีการ รู้ตัว ... แล้วในที่สุด เราน่าจะก้าวเข้าสู่สภาพการจัดการความรู้ที่ชำนาญ จนไม่ต้องรู้ตัว อย่างไร้กระบวนท่า แต่ว่าเป็นคนระดับกับการไม่มีกระบวนท่า ... นี่คือ การเดินทางของพวกเรา
  • สิ่งที่จะเกิดขึ้นในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ... สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น คือ ต้องมีความต่อเนื่อง และความเปลี่ยนแปลง และมหกรรมครั้งที่ 4 จะมีในวันที่ 1-2 ธค 2550 แต่จะเป็นภาพอย่างไร หรือแตกกลายเป็นมหกรรมฯ หลายๆ ที่ หลายๆ ภาค หรือหลายๆ หน่วยงาน ก็คงจะต้องดูกันต่อไป
  • อ.ไพบูลย์ มาบอกว่า ต้องการผู้จัดการใหญ่ เป็น KM Social Development ของประเทศไทย ... เราเข้าใจว่า เราเริ่มได้คำตอบรางๆ แล้ว ก็คงจะมีข่าวดีในกลไกขับเคลื่อนการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาสังคม ที่ลงลึกมากกว่า สคส.
  • ในการดำเนินการจัดการความรู้ ... มีเป้าหมายใหญ่อันหนึ่ง คือ การเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กร ... เปลี่ยนจากแนวความรู้เป็นการสร้างขึ้นใหม่ เป็นวงจรไม่รู้จบ ไม่ทำคนเดียว ทำเป็นกลุ่ม ใช้พลังกลุ่มให้เกิดเป็นนิสัย ให้เป็นเรื่องธรรมดา
  • กระบวนการ KM จะเป็น KM จริงก็ต่อเมื่อทุกอย่างปริวัติ ใช้ความคิดเหมือนไม่คิด
  • การเปลี่ยนวัฒนธรรม ในองค์กรที่ทำ KM ถึงขั้น คนเราจะพูดคำว่าตัวเราน้อย จะพูดคำว่า พวกเราเยอะ มีความเป็นกลุ่ม เป็นทีม
  • คนจะเปลี่ยนจากการยึดมั่นทำหน้าที่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น เป็น Multi function เข้าใจการทำงานของตัว การทำงานของเพื่อน ... เงื่อนไขนั้นคือ KM เพราะว่า ต้องทำทุกอย่าง ก็ต้องทำร่วมกับเพื่อน
    กลายเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยอัตโนมัติ กว่าจะเป็นอย่างนี้ได้ ต้องมีการเปลี่ยนใจคน เพื่อปรับใจตน ปรับวัฒนธรรม ได้เห็นคุณค่า ความสามารถของคนที่บางทีเราก็ไม่คิดว่าเขามีความสามารถ
  • KM เป็นการเรียนจากภายนอก นอกจากวิชาที่เคยเรียนมา นอกจากวิธีการที่คุ้นเคย
  • KM เป็นการเรียนจากภายใน ... ฝึกพูดจากใจ ฟังด้วยใจ Deep listening … Analog ... ผมเชื่อว่า คนมีจริต ไม่มีวิธีการตายตัว
  • อีกสิ่งที่ได้เห็น คือ ... ในกระบวนการ KM นั้น เราต้องมีความละเอียด ประณีต เป็นเครื่องมือทำ KM เมื่อเราทำ KM แล้วเห็นผล เราจะละเอียดประณีตขึ้น เป็นทั้งเครื่องมือ และผลลัพธ์ ... ถึงใจที่ประณีต ที่จะรู้สึกไปถึงใจของคนอื่น ลึกไปถึงจิตใจ คุณค่าที่เขาสามารถคิดสิ่งนั้นขึ้นมาได้ เหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิด ปัญญาญาณ
  • การมีจิตละเอียด สามารถปฏิบัติได้ผ่านการทำงาน และผมเชื่อว่า การทำ KM นั้น ทำให้มีสติระลึกอยู่เสมอ อยู่กับตัวได้
  • เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเห็นว่า เรื่องของ KM เราจะเข้าใจได้ดีก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติ แล้วก็คนที่จะมาแลกเปลี่ยนกันก็ได้ แต่จะไม่ลึก จะมันส์ที่สุด ก็ในกลุ่มที่ปฏิบัติด้วยกัน

 

หมายเลขบันทึก: 66465เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2006 11:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ประทับใจกับสิ่งอจ.วิจารณ์ท่านพูดว่า"การเปลี่ยนวัฒนธรรม ในองค์กรที่ทำ KM ถึงขั้น คนเราจะพูดคำว่าตัวเราน้อย จะพูดคำว่า พวกเราเยอะ มีความเป็นกลุ่ม เป็นทีม ..นี่คือเป็นภาพฝันในการทำงานที่อบอุ่น..ซึ่งเมื่อเริ่มทำและอยู่กับเพื่อนร่วมทางในกระบวนการนี้ภาพฝันนี้รู้สึกว่ามันเริ่มมีเค้ารางและเป็นจริงได้มากขึ้น

ขอชื่นชมว่าสรุปได้ละเอียดและชัดเจนมากค่ะ..ขอบคุณในการสรุปย่อให้นะคะ

                ชอบข้อความที่อยู่ในกรอบประโยคเด่นครับ  "การจัดการความรู้ในสังคมไทยปัจจุบันก็กำลังเดินทาง จากการจัดการความรู้แบบไม่มีระบบ ไม่รู้ตัว ... เข้าสู่การจัดการความรู้ที่มีระบบ มีวิธีการ รู้ตัว ... แล้วในที่สุด เราน่าจะก้าวเข้าสู่สภาพการจัดการความรู้ที่ชำนาญ จนไม่ต้องรู้ตัว อย่างไร้กระบวนท่า แต่ว่าเป็นคนระดับกับการไม่มีกระบวนท่า ... นี่คือ การเดินทางของพวกเรา"

ชอบบรรยากาศ KM บ้านเราจังค่ะ อบอุ่นดี และ มีพลัง

ค่ะ KM ไม่ทำไม่รู้ ... ถ้าทำแล้วก็จะได้เพื่อน ได้ใจคนทำงานด้วยกัน และได้อะไรอื่นๆ อีกมากมาย ... ใช่ไหมคะ คุณ seangja คุณครูนง และ อ.หมอมัทนา

อ่านบันทึกนี้แล้ว ก็คิดถึงบันทึกอื่นๆที่เล่าเรื่องช่วงนี้ ชอบทุกชิ้นเลยนะคะ ทุกท่านมีวิธีการของตนเอง ในการนำสิ่งที่ได้รับรู้ออกมาถ่ายทอด เป็นตัวอย่างของการใช้เรียนรู้แลกเปลี่ยนกัน ไม่มีใครคิดว่า มีคนทำแล้ว ไม่ทำดีกว่า ฯลฯ แบบที่เราจะเห็นได้ในสมัยก่อน สังคมไทยเราเปลี่ยนแล้วจริงๆค่ะ อย่างน้อยก็ในโลก GotoKnow แห่งนี้แหละ แล้วพวกเราก็จะช่วยกันขยายให้กว้างขึ้นๆ

ขอบคุณคุณหมอนนท์ เพื่อนร่วมทาง นะคะ ที่นำมาเล่าอีกที ให้ได้ซึมซับสิ่งที่ได้รู้มาจากหลายๆบันทึกมากยิ่งขึ้น version นี้ก็ชอบไม่น้อยกว่าอันอื่นๆเลยค่ะ

ขอบคุณ อ.โอ๋ ค่ะ ที่เป็นกระจกส่องให้ ... เพราะเป็นเครื่องมือช่วยลับ/ฝึก ทักษะการเขียนบันทึกได้ดีทีเดียวค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท