เหตุการณ์เกิดที่ห้องตรวจผิวหนัง
เมื่อวานตอนบ่ายได้พูดคุยกับครูท่านหนึ่ง คุณครูบอกว่ามีบทเรียนจากกล้วยสองหวีมาเล่าให้ฟัง
คุณครูมีเพื่อนครูอยู่คนหนึ่งมีบ้านอยู่ทางเดียวกัน แต่เดินทางเข้าไปลำบากกว่ามาก บางครั้งคุณครูก็จะให้เพื่อนนั่งรถไปด้วย และส่งเพื่อนคนนี้กลับบ้านสวน อันที่จริงน่าจะเรียกว่าเพื่อตั้งต้นกลับบ้าน เพราะ หลังจากที่ส่งแล้วเพื่อนต้องนั่งรถมอร์เตอร์ไซค์ไปอีกประมาณสิบห้านาที เพื่อไปเอารถจักรยานที่ฝากเอาไว้ที่ร้านกาแฟที่คุ้นกันที่ปากซอยเข้าบ้าน แล้วถีบจักรยานเข้าไปอีกประมาณสิบห้านาที
บ้านเพื่อนคนนี้เป็นบ้านที่อยู่ในสวน นานๆ ทีเพื่อนครูคนนี้ก็จะหิ้วกล้วยน้ำว้าสุกมาให้หวีสองหวี ครั้งหลังสุดนำมาให้สองหวี ดูแล้วก็น่าจะให้กล้วยกันธรรมดาๆ นะครับ
คุณครูเล่าให้ฟังว่า ได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอกและซื้อของมาฝากน้องสาว เป็นแป้งพัฟของบริษัทหนึ่งที่มีชื่อ น้องสาวรับไปแบบไม่ค่อยยินดีนัก ทั้งๆ ที่ตนข้ามน้ำข้ามทะเลไปซื้อมาคิดว่าน้องสาวจะยินดีด้วย
บังเอิญวันนั้นตอนเช้า เพื่อนครูที่อยู่บ้านสวนเอากล้วยที่ได้จากสวนมาให้สองหวีเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้คุณครูรู้สึกปลื้มมาก และมากกว่าทุกครั้ง ผมก็เลยสงสัยและถามไปว่าอะไรทำให้การได้รับของฝากเหมือนเดิม คือกล้วยครั้งนี้ มีความรู้สึกปลื้มมากกว่าครั้งอื่นๆ คุณครูบอกว่า ทุกครั้งที่มองกล้วยที่เพื่อนที่อยู่บ้านสวนเอามาให้ ก็รู้สึกเฉยๆ ก็แค่กล้วยหวีละสิบยี่สิบบาท แต่ครั้งนี้ คุณครูได้มองกล้วยอย่างพินิจพิเคราะห์กว่าทุกครั้ง พบว่า กล้วยที่ได้มาทั้งสองหวีเป็นกล้วยสุก (เพื่อนรู้ว่าชอบกล้วยสุกๆ) ไม่มีรอยช้ำแม้แต่น้อย มองแล้วยิ่งประทับใจ และทึ่งว่า เพื่อนที่นำมาให้ต้องทนุถนอมกล้วยนี้อย่างมาก เพราะต้องหิ้วกล้วยแล้วปั่นจักรยาน ฝากจักรยานแล้วซ้อนจักรยานยนตร์ แล้วนั่งรถโดยสารมาที่โรงเรียน และแปลกใจว่าทำไมตนเองไม่เคยพินิจพิจารณาถึงความตั้งใจของตนที่เอามาให้เลย ถ้าไม่มองย้อนมาที่เหตุการณ์ที่ตนเองซื้อของฝากมาให้น้องแล้วน้องดูไม่ค่อยยินดี ตนเองคงไม่ได้คิดขนาดนี้
ผมก็ตามเคยพอฟังแล้วก็รีบขออนุญาตมาแลกเปลี่ยนทันที คุณครูยินดีให้นำมาเล่าให้ฟัง
มูลค่าของสิ่งต่างๆ นอกจากจะมีคุณค่าตามราคาแล้ว ยังมีคุณค่าด้าน ความตั้งใจ ความรัก ความปรารถนาดี เพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งบางครั้งอาจจะมากกว่ามูลค่าตามราคาเสียอีกครับ
ขอขอบพระคุณ
คุณหนิง และ คุณขจิต ฝอยทอง ที่เข้ามาร่วมลป. ในความชอบและเชื่อในคุณค่าของความรัก ความเข้าใจ ความศรัทธาครับ
หมอสุข
ขอขอบพระคุณ
คุณจ๊ะจ๋า ที่ให้มองคุณค่าของใจผู้ให้ เพื่อให้เห็นคุณค่าทางใจมากกว่าราคาค่างวดครับ
หมอสุข
ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุข...
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านที่มีส่วนเกียวข้อง (ทั้งผู้ให้ ผู้รับ ผู้นำข่าวคนทำดีมาเล่า และท่านผู้อ่านบันทึกนี้ทุกท่าน) ... สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณอาจารย์วัลลภครับ
ขอบพระคุณในคำอนุโมทนาของอาจารย์ครับ
หมอสุข