“ตนและเป็นที่พึ่งแห่งตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งให้เราได้
ถ้าตนทำตนให้เป็นที่พึ่งได้แล้ว ตนแหละจะได้ที่พึ่งที่ประเสริฐยิ่งนัก”
สตรีหลายคนไขว่คว้าหาความรักโดยหวังว่าบุรุษที่ตนคัดเลือกแล้วจะเป็นที่พึ่งแห่งความรักและปัดเป่าความว้าเหว่กังวลของตนไปได้ ตลอดถึงเป็นแหล่งปรึกษาที่ดีที่สุดของตน ขณะที่บุรุษหลายคนไขว่คว้าหาสตรีที่ตนปรารถนาเพื่อหวังว่า สตรีจะสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างแทนตนตลอดถึงทำบางสิ่งบางอย่างที่ตนทำไม่ได้ได้ ผู้เฒ่าบางคนพยายามเรียกร้องเพื่อให้ลูกหลานอยู่ใกล้ตัวคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ ขณะที่เด็กน้อยเข้าแสดงท่าทางออดอ้อนเพื่อให้พ่อแม่ตลอดถึงคนใกล้ชิดเห็นความสำคัญของตน ในเรื่องนี้ปราชญ์กล่าวว่า ตนนี่แหละควรเป็นที่พึ่งให้ตนเอง ใครล่ะจะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดังที่ตนเองทำให้กับตนเอง ข้อนี้เพื่อบอกให้คนทุกคนทราบว่า เรามีความสามารถที่จะทำอะไรๆ ก็ได้ และความสามารถเหล่านั้นอยู่ภายในใจ การที่เราจะทำอะไรได้หรือไม่ได้นั้น จุดเริ่มต้นจะต้องอยู่ที่ตัวเราก่อน ถ้าเราบอกว่าไม่ได้มันก็ไม่ได้ ถ้าเราบอกว่าได้เราก็ได้ เพียงแต่เราจะเริ่มต้นที่จะทำด้วยความมุ่งมั่นมากน้อยเพียงใด
ที่พึ่งภายในอันเป็นที่พึ่งคือกำลังใจที่สร้างขึ้นด้วยกำลังภายในของตน เหมือนกับประกาศิตของอำนาจลึกลับที่คอยสอนตน เตือนตนอยู่ตลอดเวลา นั่นเองคือที่พึ่งในตนที่คนอื่นทำให้เราไม่ได้ เมื่อเราสามารถทำตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว สิ่งนี้จะมั่นคงกว่าที่พึงภายนอก ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งที่มั่นคงให้กับตัวเองได้นอกจากตัวเราเอง ตัวเราเองจะต้องอยู่กับตัวเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า ถ้าทำตนให้เป็นที่พึ่งได้แล้ว ตนนี่เองที่จะได้ที่พึ่งที่ประเสริฐนั้นคือตนนั่นเอง
เช่นกันครับ