วันนี้ (9 ธ.ค. 49) ดิฉันได้รับภารกิจจากท่านอาจารย์วิบูลย์ในการจัดส่ง (ร่าง) ผลการประเมินของสถาบันราชภัฏสุราษฏร์ธานี และวิทยาลัยภาคใต้ทางไปรษณีย์ไปยังทั้ง 2 สถาบัน ซึ่ง 2 สถาบันนี้ท่านอาจารย์วิบูลย์ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการ จึงมีหน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งนอกจากการเตรียมการ การเดินทางไปประเมินเพื่อเก็บข้อมูลจากเอกสาร สังเกต และสัมภาษณ์ โดยท่านจะต้องจัดทำ (ร่าง) รายงานผลการประเมิน และจัดส่งไปยังคณะกรรมการทุกท่าน รวมถึงผู้ประสานงาน และอธิการบดีจากสถาบันที่รับการประเมินเพื่อร่วมกันพิจารณา และเสนอแนะแล้วจึงจะจัดทำรายงานเล่มสมบูรณ์ส่งไปยัง สมศ. ต่อไป
(ที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่ดิฉันสังเกตจากการทำงานของท่านอาจารย์วิบูลย์เองนะคะ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนมากกว่านี้ที่ดิฉันไม่ทราบจึงไม่ได้นำมาถ่ายทอดค่ะ) สำหรับในการจัดทำ (ร่าง) รายงานดังกล่าวมี "พัช " (พัชรา) เป็นมือขวาช่วยจัดทำอย่างแข็งขัน
เกริ่นมาซะยาวขอเข้าเรื่องซักทีนะคะ หลังจากที่ดิฉันได้ไปรับ (ร่าง) รายงานของทั้ง 2 สถาบันมาจากร้านถ่ายเอกสารในเวลา 10.00 น. จึงได้รีบนำเอกสารจัดใส่ซองที่พัชได้จัดมาให้เป็นอย่างดี เพราะเกรงว่าดิฉันจะป้ำๆ เป๋อๆ และด้วยการกำชับจากท่านอาจารย์วิบูลย์ ดิฉันรีบเดินทางไปไปรษณีย์เนื่องจากเป็นวันเสาร์ไปรษณีย์เปิดบริการแค่ครึ่งวัน ดิฉันไม่ค่อยได้ใช้บริการที่ไปรษณีย์ด้วยตนเองบ่อยนัก หรือถ้าใช้ก็จะเป็นไปรษณีย์สาขาย่อยใน มน. ซึ่งคนไม่มากนัก แต่เท่าที่จำได้ถ้าเป็นวันเสาร์ที่ไปรษณีย์ในเมืองจะคนค่อนข้างเยอะ และดิฉันจำได้ว่า
เมื่อสมัยอยู่มัธยม (เป็นสิบปีมาแล้ว) ในการส่งพัสดุหรือเอกสาร ซึ่งส่วนมากดิฉันจะส่งแบบ EMS หรือที่เรียกว่า "ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ" จะมีขั้นตอน ดังนี้
1. จัดเอกสารใส่ซอง
2. กรอกข้อมูลเหมือนที่จ่าหน้าซอง คือ ชื่อ-ที่อยู่ของผู้ส่ง และผู้รับลงในกระดาษใบเล็กๆ แล้วนำติดลงด้านหน้าซองเอกสาร ซึ่งใน 1 ชุดจะมี copy จำนวน 3 แผ่น แผ่นแรกจะเป็นแผ่นที่ผู้ส่งเก็บไว้ แผ่นที่ 2 จะเป็นไปรษณีย์นั้นๆ เก็บๆไว้ ส่วนแผ่นที่ 3 จะติดอยู่กับซองเอกสาร ซึ่งตัวหนังสือที่เป็นคำอธิบายและพื้นที่ในการเขียนก็ค่อนข้างเล็ก ดิฉันจำได้ว่าเขียนทีไรตัวหนังสือไม่เคยถึงใบที่ 3 ซักที แต่หากจะส่งแบบอื่น เช่น จดหมายลงทะเบียน ธนาณัติ ก็จะเป็นกระดาษสีต่างๆ กันไป
3. แล้วต่อจากนั้นก็ต่อคิวเพื่อส่งให้กับพนักงาน ลงวันที่ (โดยการตอกตรายาง) แล้วก็เขียนๆ อะไรลงบนหน้าซอง แล้วก็ชำระเงิน
หลังจากนั้น คือ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ดิฉันจำได้ว่ามีการใช้กระดาษใบสีฟ้าๆ แต่ออกแบบใหม่ คือ ให้กรอกข้อมูลเหมือนเดิม แต่แทนที่จะต้องเลือกประเภทจากสีของกระดาษแต่ใช้กระดาษใบเดียวกัน แต่ใช้วิธีติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่องว่างเพื่อเลือกประเภทที่จะส่ง ซึ่งทำให้ประหยัดเวลา และกระดาษไปได้มากขึ้น ซึ่งถ้าจะให้เร็วเรานำกระดาษติดกลับมาไว้ที่บ้านหรือที่ทำงานเพื่อกรอกและติดไปเพื่อพร้อมที่จะไปเข้าคิวได้เลยก็จะเร็วขึ้นค่ะ
แต่วันนี้ไปรษณีย์ไทยพัฒนาไปอีกก้าวหนึ่งแล้วค่ะ พอเข้าไปถึงดิฉันเห็นมีคนเข้าคิวรอแต่ไม่มากนัก ดิฉันจึงตรงไปที่โต๊ะอุปกรณ์ที่ทางไปรณีย์เตรียมไว้บริการซึ่งโดยปกติจะมีปากกา กาว และกระดาษที่ว่าข้างต้นเพื่อจะกรอกข้อมูลและติดกระดาษดังกล่าวลงที่หน้าซอง แต่วันนี้ทั้ง 2 โต๊ะไม่มีกระดาษดังกล่าว มีเพียงกระดาษชนิดเดียว คือ สำหรับส่งธนาณัติ จึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้นว่า “ไม่ทราบว่าส่ง EMS ยังต้องติดกระดาษอยู่รึป่าว” จึงได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ไม่ต้องแล้วครับ ... เชิญเข้าแถวได้เลย” ดิฉันจึงเดินไปเข้าแถวรอแป๊บเดียวก็ถึงคิวพนักงานทำงานอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ดิฉันถามว่าเอกสารจะไปถึงวันไหน พนักงานตอบว่าจะถึงวันอังคาร เนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุด แต่อาจจะมีในกรณีที่บางไปรษณีย์รีบถ่ายพัสดุก็จะถึงเร็วกว่านั้น
ดิฉันขอชื่นชมไปรษณีย์ไทย สำหรับการลดขั้นตอนในการใช้บริการ ความรวดเร็วในการให้บริการ และ ความสุภาพและการตอบคำถามพร้อมคำแนะนำที่ดีสำหรับลูกค้า
จากใจผู้ใช้บริการค่ะ
<ไปรษณีย์ไทย>
เห็นด้วยค่ะว่าสะดวกขึ้น
เคยส่งเสื้อไปไห้ที่บ้านปรากฏว่า ของหาย ไม่ได้รับ ไม่น่างกส่งแบบธรรมดาเลย เลยตรวจสอบไม่ได้ เศ้าไปตามระเบียบค่ะ