Miracle of Mind Mapping


เทคนิคการจดบันทึกที่พัฒนาขึ้นจากความรู้เรื่องสมอง และความทรงจำของมนุษย์

ประมาณปลายเดือนพฤษภาคม ทางบริษัทของดิฉันได้ส่งพนักงานในระดับหัวหน้างานเข้าร่วมฝึกอบรมในหัวข้อ Mind Mapping สำหรับพนักงานและหัวหน้างาน โดยอบรมนอกสถานที่  ก่อนเข้ารับการอบรม พูดตามตรงว่า ไม่ค่อยเข้าใจในความหมายอย่างชัดเจนนักสำหรับคำว่า Mind Mapping  พอเริ่มเข้าห้องอบรมยิ่งไม่เข้าใจขึ้นอีก เพราะอุปกรณ์ที่ทางวิทยากรแจกก่อนการเข้าอบรมคือ สีเมจิก 12 สี   กระดาษขาวหลายแผ่น  ดินสอ  ตอนนั้นนึกแค่ว่าสงสัยจะเป็น course ของการ Relax ผู้บริหารและหัวหน้างาน ยังไงเข้ามาอบรมแล้วจะตั้งใจต่อแล้วกันนะ  วิทยากรเริ่มต้นด้วยการเปิด VDO เกี่ยวกับสมองและระบบประสาทของมนุษย์  อธิบายถึงการทำงานของสมองใหญ่ (Cerebrum ; ซีกซ้าย ขวา) และสมองเล็ก ว่าแต่ละส่วนทำงานอย่างไร ส่วนไหนคิดเชิงวิชาการ ส่วนไหนคิดเชิงสร้างสรรค์   หลังจากนั้นมีการทดสอบการดึงข้อมูลที่เรารู้ออกมาจากสมอง (ให้นึกชื่อของบุคคลทั้งหมดที่เรารู้จักแล้วเขียนลงกระดาษ)โดยมีการจับเวลา มีการทดสอบความคิดสร้างสรรค์โดยให้คิดว่าแปรงสีฟันใช้ทำอะไรได้บ้าง  / ให้เขียนประวัติและเรื่องเล่าของตนเอง / ฝึกคิด / ฝึกการใช้ภาพประกอบการจดจำ / กิจกรรม  คุ้ย  ค้น  คว้า คิด คัด คุย / การคิดแนวกว้าง / คิดแนวลึก / ฝึกจับประเด็น ซึ่งเทคนิคต่างๆนั้นเป็นส่วนประกอบของการคิดแบบ Mind Mapping นั่นเอง

             ถ้าจะกล่าวโดยสรุปแล้ว เทคนิค Mind Mapping ก็คือการคิดต่อยอดออกไปเรื่อยๆทั้งแนวกว้างและแนวลึกเกี่ยวกับหัวข้อที่เราสนใจ  โดยการเขียนหัวข้อดังกล่าวไว้ตรงกลางหน้ากระดาษ A4 แล้ววาดต้นไม้ออกจากจุดนั้น เริ่มตั้งแต่โคนต้นแล้วค่อยแตกกิ่งก้าน สาขาไปเรื่อยๆตามแนวคิดที่ต่อยอดไปเรื่อยๆ ดังนั้นรอบๆหัวข้อที่เราสนใจจะประกอบด้วยต้นไม้หลายๆต้น แล้วแต่ว่าเราจะแยกออกเป็นกี่ประเด็นหลักๆ ส่วนประเด็นย่อยๆต่อจากประเด็นหลักก็จะเป็นกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ต้นนั้นต่อๆไป  การแตกเป็นต้นไม้หลายๆต้น การแตกกิ่งก้านของต้นไม้  กิ่งแก้วจากกิ่งก้านเป็นการดึงความคิดจากสมองออกมาได้อย่างมหัศจรรย์  ตัวอย่างที่น่าจะเข้าใจง่าย  เช่น เมื่อต้องการเขียนหัวข้อเกี่ยวกับตัวเองก็อาจเขียนชื่อตัวเองไว้กลางกระดาษ ต้นไม้ต้นที่ 1 ที่งอกขึ้นมาจากแกนกลางคือหน้าที่การงาน  ต้นที่ 2 คือชีวิตครอบครัว   ต้นที่ 3 การศึกษา เราก็สามารถที่จะเขียนเชื่อมโยงออกไปจากโคนต้นออกไปอีก  เช่น การงานก็อาจแยกเป็นงานที่     รับผิดชอบแต่ละด้าน  และแยกย่อยงานนั้นๆเป็นส่วนย่อยๆออกไปอีกว่ามี Job ย่อยอะไรบ้างที่เราต้องรับผิดชอบ หรือเป็น key หลัก คิดต่อไปเรื่อยๆ  เพื่อนๆลองคิดดูว่าถ้าเราต่อยอดไปได้ยิ่งมากเราก็จะเห็นภาพรวม แผนงานและแนวทางการจัดการด้านต่างๆอันจะส่งผลทำให้เราสามารถที่จะควบคุม ดูแลงาน หรือกิจกรรมอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนๆ อาจยังนึกภาพได้ไมชัดซะทีเดียว เอาไว้จะขยายความและยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้นอีกครั้งนะค่ะ

         จากการได้อบรมเรื่องนี้ ถือได้ว่าได้ประโยชน์มาก สามารถนำหลักการมาประยุกต์ใช้ในการคิดทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว  การเรียน ได้ดีมากทีเดียว  

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 662เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2005 16:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 00:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท