ค่ายKM.ปูนซีเมนต์ไทย หัวใจช้าง


บริบทวิศวกรสังคม ช่วยกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านกลไกการจัดค่ายKM.ที่มหาชีวาลัยอีสาน

           องค์กรที่ให้ความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างมาก เห็นทีจะเป็นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายบริษัทลูกมากมาย แต่ไม่มีการจัดตั้งองค์กรลูกจ้างเช่นบริษัทอื่นๆ

        ทั้งนี้เพราะบริษัทให้ความสำคัญการฝึกอบรมและจัดสวัสดิการให้พนักงานอย่างพอเพียง

      อนึ่ง ในการรับพนักงาน บริษัทปูนซีเมนต์ไทยพิถีพิถันในการรับคนเข้ามาในองค์กร เมื่อเข้ามาแล้วก็ดูแลให้ความรู้ ให้การพัฒนาการอย่างมีขั้นตอน เพราะเล็งเห็นว่าคุณภาพของพนักงานมีส่วนทำให้กิจการของบริษัทก้าวหน้า พร้อมต่อกรกับคู่แข่งขันที่มีอยู่ทั่วโลก

มหาชีวาลัยอีสานมีส่วนในการจัดค่ายปูนซีเมนต์ไทย ให้กับพนักงาน7-8 ครั้ง/ปี ในแต่ละชุดจะมีชาวปูนซีเมนต์มาค้างแรมรุ่นละ20-40 คน เป็นเวลา 5 วัน

ถามว่า..จะมาเรียนวิชาอะไรในป่าแห่งนี้

เรามองอย่างนี้ครับ

  •   ทุกไทยทุกคนควรมีมิติทางสังคม ควรมีใจให้แก่สังคม และถ้าช่วยกันดูแลสังคม สมคมไทยก็จะไม่ถูกลอยแพ ชาวปูนซีเมนต์ไทยส่วนใหญ่จะมาจากสายช่าง เราจึงตั้งชื่อหลักสูตรนี้ว่า หลักสูตรวิศวกรสังคม
  •  ชาวปูนซีเมนต์ไทย ทำงานในระบบอุตสาหกรรม อยู่กับเครื่องจักรเครื่องกล ไม่มีชีวิตชีวา อยู่กับความจำเจ ถ้าได้ออกมาสัมผัสธรรมชาติบ้าง ก็จะเป็นการเติมเต็มในส่วนนี้ เราจึงมีวิชาธรรมมะ กับธรรมชาติ 
  • ปัจจุบัน ประเทศไทยน้อมนำเอากระแสพระราชดำริ ยึดเอาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักการพัฒนาชาติ ชาวค่ายปูนซีเมนต์ไทย จึงได้มาเรียนวิชาวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง เพราะมนุษย์เงินเดือนส่วนมากยิ่งมีเงินเดือนสูง มักจะมีหนี้สูงตามเป็นเงา เกิดความประมาทเพราะคิดว่าสิ้นเดือนก็จะดีรับเงินเดือนแน่ๆอยู่แล้ว จึงใช้เงินฟุ่มเฟือยมีเท่าไหร่ก็ไม่พอเพียง 
  • ชาวปูนซีเมนต์ไทย สนใจเรื่องKM. ทฤษฎีหลักการจัดการความรู้เรียนที่ไหนก็ได้ แต่มาที่นี่จะได้เรียนวิชาKM.ภาคปฏิบัติ ซึ่งจะได้สัมผัสกิจกรรมKM.ของที่นี่ ผ่านการลงมือฝึกงานในเรื่องการเกษตรอย่างถึงลูกถึงคน
  •  ในฐานะที่สถาบันมหาชีวาลัยอีสาน ทำโครงการจัดการความรู้ระดับชุมชน ภายใต้การส่งเสริมของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.) 
  •  ชาวปูนซีเมนต์ไทย ทำงานในบริษัทที่มีความพร้อม มีกฎระเบียบ มีวินัย ภายใต้ระบบบริหารงานที่ทันสมัย การมาเรียนในป่าที่ไม่มีความพร้อมอะไรให้เลย พนักงานเหล่านี้จึงได้เรียน วิชาวิธีทำงานบนฐานความไม่พร้อม เพราะในชีวิตจริงของคนเรา คงไม่มีใครมีความพร้อมไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะภาคสังคมไทย มีแต่ปัญหาไม่มีความพร้อม พนักงานเหล่านี้จะมีมุมมองทั้งส่วนที่พร้อมและไม่พร้อม จะได้วิธีคิดว่า จะดำเนินชีวิตภายใต้สังคมที่ผิดปกตินี้ได้อย่างไร 
  •  ชาวปูนซีเมนต์ไทย ส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ดี ครอบครัวอบอุ่น แต่ถ้าขาดการมองเผื่อแผ่ไปถึงสังคมภายนอก ก็จะขาดคุณค่าของชีวิตตรง การร่วมทุกร่วมสุขรู้ร้อนรู้หนาวกับภาคสังคม ที่นี่จึงจัดให้เรียนวิชาดูตาม้าตาเรือ 
  •  สังคมภาคเกษตร ที่ผลิตข้าวปลาอาหารเลี้ยงคนทั้งโลก แต่คนที่อยู่กับการผลิตเหล่านี้กำลังเป็นหนี้หัวโต และกำลังขาดแคลนอาหาร ระบบการผลิตที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทำให้ชาวไร่ชาวนาย่ำแย่ ไม่มีใครเห็นใจเพื่อนร่วมแผ่นดิน ชาวปูนซีเมนต์ไทยจึงได้เรียนวิชาเข้าไปถามหัวใจเกษตรกร เราจัดให้วิศวกร ได้ไปจับเข่าคุยกันกับเกษตรกรสายพันธุ์KM.ได้ไปสัมผัสกับปรัชญาชีวิต สัมผัสกับภูมิปัญญาไทย และงานวิจัยแบบไทยบ้าน 
  • ชาวปูนซีเมนต์ไทยระดับผู้บริหาร มหาชีวาลัยอีสานจะจัดให้ได้เรียนวิชาแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรไทย แบ่งกลุ่มกันไปศึกษาวิธีคิดวิธีทำงานของเกษตรกรต้นแบบของเรา ไปจับเข่าเอาปัญหามาคลี่ดูสิว่า ปัญหามันอยู่ตรงไหน วิชาช่างวิชาการจะช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวไร่ชาวนาได้อย่างไร การได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตระหว่างกัน จะทำให้ต่อมสำนึกทางสังคม การรับผิดชอบต่อสังคม ชัดเจนยิ่งขึ้น
  •  ชาวปูนซีเมนต์ไทยมีความรู้ความสามารถติดตัวกันทุกคน หลายคนถึงจะอยู่บริษัทปูนซีเมนต์ไทย เคยแต่ผลิตไม่ค่อยได้ใช้ปูนซีเมนต์เท่าที่ควร ที่นี่จึงออกแบบวิชาใช้ประสบการณ์ตรง โดยการสร้างบ้านสำนักงานเป็นอาคาร 2 ชั้นรูปร่าง6 เหลี่ยม พนักงานทุกคนจึงได้ฝึกงานผลิตอิฐดินซีเมนต์ ก่อและฉาบซีเมนต์ เริ่มตั้งแต่ขุดหลุมตั้งเสาเอก ไปจนสร้างอาคารขึ้นมาทั้งหลัง เป็นภาคการบริจาคความรู้ความสามารถ เพื่อฝึกการทำงานเป็นทีม
  • การได้มาอยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยกันบริหารความคิด ผลิตผลงานผ่านศักยภาพของกลุ่ม เราเรียกว่าวิชาบูรณาการศาสตร์
  • ในการออกมาอยู่ในชนบท ย่อมเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ชาวปูนซีเมนต์ไทยจะได้สัมผัสกับวิชาดนตรีมโหรีพื้นบ้านในพิธีบายศรีสู่ขวัญ 
  • การมาอยู่ร่วมกันของชาวค่ายปูนซีเมนต์ไทย จะเป็นการใช้เวลาเรียนรู้ในทุกมิติ ในช่วงสันทนาการ ทุกคนจะได้แสดงฝีมือทำอาหาร วาดลวดลายวิชาเสน่ห์ปลายตวักกันอย่างสนุกสนาน ผ่านการประกอบอาหารแบบปลอดสารพิษชีวิตปลอดภัย 
  • เมื่อเรียนรู้อะไรไปแล้วต้องอธิบายได้ กลุ่มต่างๆที่ผ่านการเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ ในวันสุดท้ายจะต้องมาออกแบบนำเสนอว่า  รู้อะไร  เห็นอะไร  เข้าใจว่าอย่างไร  จะนำไปปรับใช้อย่างไร  และมีข้อเสนอแนะอย่างไร

     ในปีนี้จึงมีชาวปูนซีเมนต์ไทยมาศึกษาหลักสูตรKM.เพื่อชีวิต ของมหาชีวาลัยอีสานหลายร้อยชีวิต และยังมีคิวจากบริษัทลูกทยอยเดินทางมาไม่ขาดสาย เมื่อเร็วๆนี้เราเพิ่งจัดค่าย “ค๊อตโต้ มาโต้ลมหนาวอีสาน”

ผ่านไปด้วยความชื่นมื่น ไม่ได้มาเรียนอย่างเดียว ยังแชร์ความรู้ระหว่างกันจนเกิดลูกติดพัน มีโครงการฝึกอบรมการปูกระเบื้องให้กับลูกหลานในเครือข่ายมหาชีวาลัยอีสาน ได้มีวิชาความรู้รุ่นละ 30 คน

สิ่งที่บ่งบอกว่า “ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้นั้น จะนั่งๆนอนๆคิดคงไม่ได้ จะต้องทำความฝันให้เป็นจริง” ทำนอง..อยู่เมืองไทยอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายกันเถิดนะ พ่อนะ แม่นะ..

หมายเลขบันทึก: 65887เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2006 03:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 20:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ได้พบน้องทวีสินและท่าน ดร. วรภัทร์แล้วครับ
  • เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้จริงๆครับ
  • ขอบคุณมากครับ

ครูบาว่าเราจะใช้หัวใจช้างนี้ไปเป็นต้นแบบได้ไหมครับ

ผมอยากเห็นทุกธุรกิจคิดแบบเดียวกันนี้

ประเทศไทยจะได้มั่นคงหน่อย

ต้องขอขอบคุณ ครูบา ฯ  มากๆครับ   ที่ให้ พวกผม ชาว ปูน ฯ ตราช้าง  ได้ เจอ ครู ทีแท้จริง อย่าง ครูบาฯ  ครับ

ที่ ครูบาฯ อธิบายมานั้น ใช่เลยครับ 

ครูบาฯ  เป็น พี่เลี้ยง  เป็น คุณอำนวย   พวกผมมีเรื่องดีๆ ที่ ครูบาฯ สอน  เอามา คุยกันบ่อยๆ ครับ

ผมส่ง พวกปูน ฯ ไปหา ครูบา ฯ  เพื่อ

  • เจอ คนที่ สมดุลทางโลกและทางธรรม อย่างครูบาฯ  
  • ดับ อัตตา  เพราะ เราคุ้นเคยอยู่ในสังคมที่ เชื่อใน บริโภคนิยมมากๆ   การไป ที่ มหาชีวาฯ ทำให้ พวกเรา "เปิดหู เปิดตา และเปิดใจ" กระตุ้น "ต่อมคิด"ของเรา
  • เราคงไม่คิดจะ เลิกทำปูน ฯ มาทำนา แน่ๆ ครับ แต่ ที่เราได้ คือ Learn how to learn   ตั้งแต่ รู้จักตนเอง ค้นหาตนเอง  มีสติ  ดูจิต  เรียนรู้เชิงประจักษ์  ฯลฯ

 

 

 

พี่น้องชาวปูน ตระกูลช่าง ใจเต็มร้อยกับสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม หวังไว้ว่าพลังของชาวปูนจะช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวไกลและน่าอยู่

ในฐานะคนปูนต้องขอขอบคุณครูบาฯมากครับ เราได้เรียนรู้ที่หลากหลาย เรียนรู้ทั้งทางด้านทักษะการทำงาน เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิต และยิ่งไปกว่านั้นเราได้เรียนรู้ถึงความรู้เรื่องของชิวิต ที่จะหาเรียนได้ยากมาก เพราะส่วนใหญ่คนเรามักจะเรียนรู้แต่ความรู้ที่เป็นวิชาการ แต่ไม่เคยเรียนรู้จักเรื่องของการใช้ชีวิต เลย...และที่สำคัญเรามีกุนซือที่ชื่อว่า "คนไร้กรอบ" เราก็เลยได้เรียนที่หลากหลายแบบไม่มีกรอบ แต่มีสาระ ครับ

ขอขอบคุณครูสุทธินันท์มากครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท