( ก่อนนินทาเด็ก ขอเกริ่นนำก่อนนะ นิดเดียวเอง)
จากการที่ ผอ.ฉลวย วงษ์ขวัญเมือง ได้จุดประกายว่า ทำอย่างไรจะให้บัตรคำกระดาษ ขึ้นไปโลดแล่นอยู่ในจอโทรทัศน์แทนได้ ครูบุญเลิศ แสงดี(ว่าที่ รอง.ผอ.ร.ร.) ก็ได้สานต่อความคิดลงมายังครูผู้สอนภาษาไทย โดยเฉพาะข้าพเจ้าที่ควบตำแหน่งหัวหน้าโครงการผลิตสื่อการเรียนการสอนด้วย โดยเริ่มจากการทำเป็น Power point ง่ายๆ และพัฒนามาจนมีเสียงหวานๆของข้าพเจ้าเข้าไปอยู่ด้วยในบัตรคำช่วงชั้นที่ 1(ใครๆก็บอกว่าเสียงหวานกว่าหน้าอีก..จับไว้ทีจะลอย ) และช่วงชั้นที่ 2 ได้รับความช่วยเหลือจากรองฯฝ่ายวิชาการ เป็นผู้บันทึกเสียง (กว่าจะเสร็จทั้งสองช่วงชั้น เล่นเอาเสียงแหบและเหนื่อย เพราะขั้นตอนเยอะมาก) หลังจากทำเสร็จสมบูรณ์เป็นบัตรคำอิเล็กทรอนิกส์ ก็ได้รับเสียงตอบรับจากเด็กนักเรียนดีมาก ( ใช้มาปีกว่าแล้ว ) และสามารถขยายผลไปยังโรงเรียนใน จ.สุพรรณบุรี และต่างจังหวัดด้วย (มีแฟนขับ เอ๊ย แฟนคลับ เพียบ)
และเมื่อปลายภาคเรียนที่ 1 ผู้อำนวยการก็ได้ขยายผลไปยังครูผู้สอนภาษาอังกฤษให้บันทึกเสียงลงบัตรคำเหมือนภาษาไทย และขั้นตอนการใส่เสียงก็เป็นของข้าพเจ้าอีกเช่นเคย (ตายล่ะหว่า ตอนเรียนก็ตกแล้วตกอีก สอนภาษาอังกฤษก็ไม่ได้สอน จะใส่เสียงได้อย่างไร อายเขาตาย) เดือดร้อนถึงครูบุญเลิศ ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมอ่านภาษาอังกฤษมาให้ ข้าพเจ้าจึงใช้โปรแกรมนั้นในการบันทึกเสียง(กว่าจะเสร็จ ทั้ง 3 ช่วงชั้น เล่นเอากระดูกข้อมือด้าน และเจ็บ ขอบตาคล้ำไปเลย )
(เข้าเรื่องซะทีหลังจากเกริ่นมานิดเดียว...เอง..แฮะ..แฮะ )
และแล้วก็ถึงการนำบัตรคำอิเล็กทรอนิกส์ภาษาอังกฤษมาใช้ในชั่วโมงโฮมรูม วันอังคาร และวันพฤหัสบดี (วันจันทร์ พุธ ศุกร์ อ่านภาษาไทย) ปรากฏว่า เมื่อใช้วันแรกนักเรียนไม่ยอมอ่านพอถามก็ได้รับคำตอบว่า ครูครับ/คะเขาอ่านผิดครับ/ค่ะ (ทำหน้าตาจริงจังมาก ..ใครเป็นครูกันแน่เนี่ย) ก็เลยถามว่าเขาอ่านผิดอย่างไร เด็กๆตอบว่า ก็เขาอ่านไม่ชัด (พระเจ้าช่วย..กล้วยทอด พูดเหมือนกับตัวเองอ่านชัดเลยนะ มั่นใจเหลือเกินลูกศิษย์ฉัน) เวลาผ่านไปหลายวัน ทำอย่างไรก็ไม่ยอมอ่าน ทั้งขู่ ทั้งบังคับ ก็ไม่ยอมอ่าน คำตอบเหมือนเดิมคือ เขาอ่านผิด ไม่เหมือนกับที่ครูสอนมา (ถึงบางอ้อเลยทีนี้) ก็เลยต้องอธิบายว่าครูที่สอนไม่ได้เรียนจบมาทางด้านภาษาอังกฤษโดยตรง อ่านแล้วสำเนียงสู้เจ้าของภาษาที่อยู่ในบัตรคำไม่ได้ แล้วครูให้ใครมาอ่านล่ะครับ/คะ (แน่ะยังมีปัญหาอีก) พอดีได้ยินเสียงเพลงของวงโปงลางสะออนแว่วมาจากบ้านข้างๆโรงเรียน จึงบอกเด็กไปว่า ครูเชิญลาล่า จากประเทศอังกฤษมาอ่าน(ดีนะไม่เผลอต่อ ลูลู่ ไม่งั้นความแตก ผิดศีลข้อ4 ไหมเนี่ย) เด็กๆ ก็ทำสีหน้าไม่มั่นใจ แต่ก็ยอมอ่าน อ่านชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง เพราะยังไม่ชินกับสำเนียง คงต้องให้เวลาอีกหน่อยคงดีขึ้น
(ถ้าไม่ได้โปงลางสะออนช่วยไว้ สงสัยครูตุ๊กสะอื้น..เฮ่อ..)
น่ะค่ะ จะได้ออกเสียงตรงกัน
อ่านเรื่องของครูตุ๊กแล้วได้ข้อคิดเกี่ยวกับการสอนของครูว่าเรื่องบางอย่างเราคิดว่านิดเดียวมันไม่ใช่เลย และนึกขำไปด้วยที่เด็กเขาฉลาดครูท่าไชยเก่ง ๆนะ
เนื้อเรื่องสนุกมากๆเลยคะ
แวะมาดูครู นินทาเด็ก ๆ
อิอิ
สบายดีนะครับ
คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คุณครูท่าทางอารมณ์ดีน่ารักจังเลยนะคะ เด็กๆคงจะสนุกสนานกับการเรียนกับคุณครู นะคะ เด็กๆทำให้เรายิ้มได้เสมอเลยนะคะ ครูตุ๊กคงจะผลิตสื่อเก่งเอาไว้ว่างๆมาแนะนำครูเอ๋บ้างนะคะ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูตุ๊กด้วยคนค่ะ