เดิน กับบันไดเพื่อสุขภาพ


การเดินรวมกันให้ได้วันละ 10,000 ก้าว เทียบเท่าระยะทางประมาณ 5 ไมล์ หรือ 8 กิโลเมตรเป็นรากฐานหรือ “รากแก้ว” ของสุขภาพ

การออกกำลังที่ดีไม่จำเป็นต้องลงทุนเดือนละเป็นร้อยเป็นพัน เพื่อสมัครเป็นสมาชิกสโมสรหรือคลับออกกำลังเสมอไป

จดหมายข่าวมูลนิธิโรคหัวใจสหราชอาณาจักร(หมู่เกาะอังกฤษ) ฉบับเดือนธันวาคม 2549 มีคำแนะนำดีๆ เพื่อสุขภาพที่แสนประหยัดในช่วงใกล้ปีใหม่ ซึ่งมีเทศกาลและงานเลี้ยงมากมาย

อาจารย์ท่านแนะนำวิธีรักษาเนื้อรักษาตัวในช่วงเทศกาลอย่างนี้ครับ...

  1. เดินวันละ 10,000 ก้าว:
    การเดินรวมกันให้ได้วันละ 10,000 ก้าว เทียบเท่าระยะทางประมาณ 5 ไมล์ หรือ 8 กิโลเมตรเป็นรากฐานหรือ รากแก้ว ของสุขภาพ ระยะทางสำหรับคนที่มีความสูงน้อยกว่า 170 เซนติเมตรอาจจะเกิน 10,000 ก้าว เช่น ผู้เขียนสูง 164 เซนติเมตรจะต้องเดิน 12,000 ก้าวจึงจะได้ระยะทาง 8 กิโลเมตร ฯลฯ
  2. ใช้เครื่องนับก้าว:
    ถ้ามีสตางค์มากพอ... อาจหาเครื่องนับก้าว (pedometer) มาเหน็บไว้กับกางเกง เพื่อนับก้าว ถ้าเดินได้อย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว
  3. ถ้าไม่มีเครื่องนับก้าว:
    ให้จับเวลาดูว่า เราเดิน 500 เมตรดูว่า ใช้เวลานานเท่าไหร่ สมมติว่า ใช้เวลา 10 นาที นำ 16 ไปคูณ จะได้เวลาประมาณ 160 นาที หรือประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ระยะเวลาเท่านี้ให้รวมกิจกรรมที่มีการเดินเป็นส่วนใหญ่เข้าไป เช่น เดินไปทำงาน เดินในบ้าน เดินเล่นกับสัตว์เลี้ยง เดินเล่นกับญาติสนิทมิตรสหาย ฯลฯ
  4. ถ้าเดินไม่ถึง 10,000 ก้าว:
    ให้เดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทุกวันจนกระทั่งเดินได้อย่างต่ำวันละ 10,000 ก้าว ถ้าเพิ่มการเดินแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก... ให้เดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทุกๆ 3-7 วันแทน
  5. ลดเครื่องดื่มเติมน้ำตาล:
    ให้ตรวจดูปริมาณพลังงาน หรือแคลอรีก่อนดื่มเครื่องดื่ม เช่น น้ำหวาน กาแฟ ชา น้ำผลไม้ ฯลฯ ถ้าเราได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น 100 แคลอรี จะต้องเดินประมาณ 2,000 ก้าว เทียบเท่า 1 ไมล์ หรือ 1.6 กิโลเมตรจึงจะเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้ ทางที่ดีคือ หัดดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำที่มีรสหวาน
  6.  งดเหล้า:
    เหล้า เบียร์ ไวน์ หรือแอลกอฮอล์ทำให้อ้วนง่าย มีคุณค่าทางอาหารต่ำ และมีอันตรายต่อร่างกาย การดื่มเหล้าทำให้มึนเมา... และกินมากขึ้น ดื่มมากขึ้น... เลยอ้วนเลย
  7. เดินขึ้นลงบันได:
    การเดินขึ้นลงบันไดมีส่วนช่วยชาติประหยัดพลังงานค่าลิฟต์ และช่วยชาติประหยัดค่ารักษาพยาบาลจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคขี้เกียจออกกำลัง ฯลฯ การเดินขึ้นลงบันไดทำให้กล้ามเนื้อขาและหลังแข็งแรงขึ้น... เป็นการออกกำลังต้านแรงคล้ายกับการยกน้ำหนักที่คนส่วนใหญ่ทำได้

    คำแนะนำ:                                       

  • ขึ้นลงบันได:
    ท่านที่เดินแนวราบแล้วปวดเข่า มีโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน หรือมีโรคเรื้อรังอื่นๆ ควรปรึกษาบุคลากรสุขภาพที่ดูแลท่านก่อนเดินขึ้นลงบันได
  • เดินเร็ว:
    การเดินเร็วมีประโยชน์มากกว่าเดินช้า เนื่องจากการเดินเร็วมีส่วนช่วยให้โคเลสเตอรอลชนิดดี
    (HDL) เพิ่มขึ้น เอชดีแอลมีส่วนช่วยทำความสะอาดเส้นเลือด โดยช่วยเก็บกวาดคราบไข(มัน)ออกจากผนังเส้นเลือด นำไปตับ ขับออกทางน้ำดี และอุจจาระ
  • เดินแกว่งแขน:
    การเดินแกว่งแขนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการเดินแขนนิ่งประมาณ
    20% การเดินที่ดีควรเดินตัวตรง แกว่งแขนให้แรง ทำตัวให้มีชีวิตชีวา เพราะเรากำลังทำสิ่งที่ดีงามกับตัวเราเอง เดินให้ดูดี จะได้ช่วยกันเชิญชวนคนอื่นให้มาร่วมออกกำลังกันด้วย...
  • อย่าหยุดเดินทันที:
    การฝึกเดิน และการเดินขึ้นลงบันไดควรเริ่มจากน้อยไปหามาก หลังเดินไม่ควรหยุดยืนนิ่งทันที... ให้เดินช้าต่อไปสัก
    1-5 นาทีค่อยหยุด ถ้าหยุดทันที... เลือดจะไปคั่งในเส้นเลือดดำที่ขามาก อาจทำให้หน้ามืด หรือเป็นลมได้
    แหล่งที่มา:                                      
  • ขอขอบคุณ > British Heart Foundation e-Newsletter. > Keep active this Xmas with our top tips. > http://newsletter.bhf.org.uk/e_article000707081.cfm?x=b8yn9dw,b3wK6rdd > December 1, 2006.
  • ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก "บ้านสุขภาพ" มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่รักษาโรค
  • ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
  • ขอขอบพระคุณ > โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี + อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ IT
  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๗ ธันวาคม ๒๕๔๙.
เขียนใน GotoKnow โดย 
 ใน บ้านสุขภาพ
หมายเลขบันทึก: 65709เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2006 11:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

เรียนคุณหมอ..

  • ครูอ้อยออกกำลังด้วยการเดินทุกวันตอนเช้ารอบสนามที่โรงเรียนได้วันละ 5 รอบ  และเดินขึ้น-ลงบันไดอีกวันละ 5 เที่ยวค่ะ
  • เนื่องจากไม่มีเวลา  ได้แค่นี้เองค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ  ความรู้ในบันทึกนี้ 

ขอขอบคุณอาจารย์สิริพร และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • เดินได้ขนาดนั้นดีมากแล้วครับ...
  • ถ้าวันธรรมดาไม่ว่าง... น่าจะลองเดินเพิ่มในวันหยุดดู

การออกกำลังมีลักษณะคล้ายบัญชีออมทรัพย์คือ สะสมได้ >

  • ถ้าเราออกแรงมากหน่อยในวันหยุด + ใช้แรงในชีวิตประจำวัน เช่น ซักผ้า ล้างรถ ถูพื้น ฯลฯ จะมีสุขภาพดีได้ในระยะยาว

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพครับ...

สารภาพก่อนอันดับแรกค่ะว่าไม่มีเวลาได้อ่านบันทึกของอาจารย์หมอวัลลภทุกบันทึกเหมือนแต่ก่อนค่ะ ทั้งที่อยากอ่าน แต่ยุ่งมากๆ เลยค่ะ :(

แต่อย่างไรก็ แฟนนักอ่านก็ช่วยกันให้ข้อคิดเห็นในบันทึกของอาจารย์อย่างคับคั่งเหมือนเดิมนะค่ะ :)

วันนี้ขอต่อยอดความรู้เล็กน้อยค่ะ ดิฉันเคยไปเดินซื้อหาเครื่องนับจำนวนก้าวค่ะ มีขายที่แผนกเครื่องกีฬาของห้างเซ็นทรัลค่ะ ที่เคยเห็น ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 800 บาทค่ะ

ขอบพระคุณ อาจารย์หมอวัลลภมากค่ะ..หนูไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าการหยุดเดินแบบทันทีจะมีผลเสียด้วย...ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นค่ะ และจะลองนำไปปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์หมอดูค่ะ
ออตเปลี่ยนหากขึ้นลิฟท์มาเดินขึ้นบันได(ถ้าไม่หอบของเยอะเกินไป)
  • เคยขึ้นลงบันไดที่ทำงาน 3 ชั้น แบบเร็ว ๆ พบว่า ตอนแรก ๆ จะหอบเหมือนจะไม่ไหว
  • แต่ตอนนี้ชินแล้วค่ะ เดินถึงเร็วกว่าไปขึ้นลิฟท์ จะพยายามเดินให้มากกว่าเดิมเรื่อย ๆ ค่ะ
  • ขอบคุณที่นำมาแนะนำค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์จันทวรรณ...

  • อาจารย์ทำงานหนักมากทั้งในมุมมองของความพากเพียร พยายาม และผลงานที่ออกมามากมาย...

เครื่องนับจำนวนก้าวนี่...

  • ผมได้จากพี่ชายมา 1 เครื่องนานแล้ว มีประโยชน์มาก ใช้วัดระยะทางได้ด้วย ทำให้ทราบว่า การเดินให้มากหน่อยมีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานได้มาก

ท่านผู้อ่านที่ไม่มีเครื่องนับจำนวนก้าว...

  • เวลาเดินเร็ววันละ 30 นาที + ใช้แรงในชีวิตประจำวันมากหน่อย เช่น ซักผ้า ถูพื้น กวาดบ้าน ฯลฯ... ก็ใช้ได้ดีทีเดียว
  • ทว่า... ถ้าต้องการควบคุมน้ำหนัก > ควรเพิ่มเดินช้าเข้าไปอีก 30 นาที > รวมเป็นเดินเร็ว 30 นาที + เดินช้า 30 นาที

ผมหยุดให้อาหารแมวไปนานแล้ว...

  • พออ่านบันทึกของอาจารย์ เกิดเห็นอกเห็นใจแมวขึ้นมา เลยกลับมาให้อาหารแมวใหม่อีก...
  • บางที.. เมตตา กรุณานี่ระบาดได้เหมือนโรคติดต่อทีเดียว

ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง มีเวลาออกกำลัง และเป็นขวัญใจของสมาชิก Go2know ไปนานๆ ครับ...

 

ขอขอบคุณอาจารย์ PJ_NUQA และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • เรื่องวิ่งหรือเดินแล้วหยุดทันที... อาจทำให้เป็นลม หรือหน้ามืดได้ เนื่องจากเวลาเดิน > เส้นเลือดในกล้ามเนื้อจะขยายตัว > ถ้าหยุดนิ่งทันที... ปริมาณเลือดที่ไหลกลับหัวใจจะลดลง

กล่าวกันว่า ทหารที่วิ่งระยะทาง 42.195 กม.(ต้นตำนานมาราธอน) เพื่อส่งข่าว.. ตายทันทีที่ไปถึง

  • สาเหตุการตายคาดว่า น่าจะเป็นเพราะวิ่งไปไกลแล้วหยุดทันที
  • สาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ เช่น อาจจะเหนื่อยมากเกิน ฯลฯ

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ออต และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์หันมาใช้บันไดแทนลิฟต์...
  • อย่าลืมจับราวบันไดทุกครั้งให้เป็นนิสัย เนื่องจากมีคนตกบันไดทุกปี > ป้องกันได้ด้วยการจับราวบันได

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ Lila และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์เดินขึ้นลงบันไดได้ 3 ชั้น...

การเดินเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิค...

  • ช่วยให้หัวใจ ปอด เส้นเลือดแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคอ้วน และป้องกันโรคได้มากมาย เช่น ลดความเครียด ฯลฯ

การเดินขึ้นลงบันได...

  • ช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขาและหลัง ทำให้สัดส่วนไขมันในร่างกายไม่สูงเกินไป
  • ช่วยเพิ่มระดับความแข็งแรงของหัวใจ ปอด เส้นเลือด และกล้ามเนื้อ(ขา + หลัง)

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอลป.ด้วยคนครับ

อันตรายจากการเดินขึ้นบันไดก็มีครับ ระมัดระวังเวลาขึ้นบันไดสะพานลอยข้ามถนนด้วยนะครับ เพราะพอขึ้นไปถึงบนสะพานลอยแล้วจะเหนื่อย (ตั้งแต่เหนื่อยน้อยๆ จนถึง เหนื่อยแฮ็กๆ) จังหวะนี้ผู้ไม่หวังดีจะอาศัยช่วงที่เราพักเหนื่อยช่วงชิงจังหวะทำสิ่งที่ไม่ดี ฉก ชิง วิ่ง หนีเราไปได้อย่างลอยนวล

 หมอสุข

สัวดีค่ะคุณหมอ

  • วันนี้ครูอ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย  เพื่อนๆจะขึ้นลิฟท์กันค่ะ  แต่ครูอ้อยอาสาขึ้นบันไดค่ะ  หัวใจเต้นถี่เล็กน้อยค่ะ
  • และก็จะเดินมากกว่าขึ้นลิฟท์ค่ะ  ได้ออกกำลังเล็กน้อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ค่ะ  จะพยายามขึ้นบันไดแทนลิฟต์ค่ะ  ประหยัดไฟด้วยนะคะ

จะให้เดินแทนการขึ้นลิฟท์คงจะไม่ไหวหรอกคะ ...สำหรับชาว สคส. ก็เราอยู่ชั้น 23 แต่เราจะพยายามขึ้นลง 2-3 ชั้นแทนคะ  ถ้ามีโอกาส .....และเวลาเราไปทานข้าวกลางวัน ..เราจะเดินไปกินข้าวแทนการขึ้นรถเมล์นะคะ   คงจะพอเพียงสำหรับชีวิตคนกรุงได้นะคะ ...

  • ไม่ได้แวะมารับข่าวสารสุขภาพจากคุณหมอซะนานเลยค่ะ
  • ตอนนี้ได้โอกาสมารับความรู้ดีๆ กับคุณหมอค่ะ

 

ขอขอบคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • การเดินขึ้นบันไดก็คล้ายกับเรื่องอื่นๆ ของชีวิต(ส่วนใหญ่)ที่ว่า "มีได้ก็ต้องมีเสีย"
  • (1). อาจารย์หมอสุขเตือนให้พวกเราระมัดระวังเป็นพิเศษในการเดินข้ามสะพานลอย... ต้องระวังโจร
    (2). พี่ชายของผม (รังสรรค์ พรเรืองวงศ์ -วิศวกร) ท่านชมสารคดีพบมีการชันสูตรศพคนไข้ฝรั่งตกบันไดตาย... เป็นหลักผ่าตัดแก้ไขสายตาย(เลสิก) ปรากฏว่า คนไข้ตกบันไดตาย เพราะหลังผ่าตัดเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้แก้วตาขุ่นชั่วคราว มองเห็นไม่ชัด... เลยตกบันได

คำแนะนำก่อนเดินขึ้นลงบันได...เพิ่มเติม

  • (1). ท่านที่สายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัด หรือหูไม่ดี ฟังไม่ค่อยได้ยิน... ต้องตรวจตา ตรวจหูก่อนเดินขึ้นลงบันได เพราะเวลาเดิน... เราต้องดูด้วย ฟังเสียงเท้ากระทบบันไดด้วยจึงจะกะระยะได้ถูกต้อง
  • (2). ต้องเลือกบันไดที่ปลอดภัย... อย่างน้อยที่สุดต้องมีราวบันไดแข็งแรง คนงานก่อสร้างและวิศวกรเดินตกตึกก่อสร้าง หรือตกลิฟต์ก่อสร้าง ซึ่งไม่มีการกั้นขอบกันตกมามากมายแล้ว

ขอขอบคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่านครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์สิริพร และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์กล้าทำในสิ่งที่น่าทำคือ การเดินขึ้นลงบันได...

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์หนิง และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์กล้าทำในสิ่งที่น่าทำคือ การเดินขึ้นลงบันได...
  • บ่อยครั้งที่การเปลี่ยนแปลงสำคัญเริ่มต้นที่ก้าวเล็กๆ เช่น การเดินไปทำงาน การกินข้าวกล้อง การเดินขึ้นลงบันได การชมคนรอบข้างอย่างน้อยวันละครั้ง ฯลฯ

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์จ๊ะจ๋า และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • จริงของอาจารย์ครับ... ชาว สคส. อยู่ชั้น 23 จะให้เดินขึ้นลงทุกครั้งอาจจะไม่ไหว
  • คงจะต้องทำอย่างที่อาจารย์แนะนำคือ เดินส่วนที่เหลือสัก 2-3 ชั้น หรือ 4-5 ชั้น

อะไรที่ "ดี" ย่อมต้องอาศัย "ความพอดี" กำกับเสมอครับ... จึงจะได้ผลดี

  • ดีอย่างเดียว... อาจจะไม่ยั่งยืน
  • ดีบวกพอดี... น่าจะยั่งยืนได้

ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์เดินขึ้นลงบันได 2-3 ชั้นได้...

  • บางคนมาราธอน (42.195 กม.) หรือฮาล์ฟมาราธอน (21.098 กม.) กำลังดี
  • คนส่วนใหญ่คงจะต้องเบากว่านั้นหน่อย

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ดวงเด่น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

กราบเรียน  ท่าน นพ.วัลลภ  ที่นับถือ

ได้อ่านบทความที่ท่านท่านอาจารย์ (ขอเรียกว่าท่านอาจารย์นะค่ะ) แล้วค่ะ  ดีมากค่ะ และคิดว่าจะอ่านบทความอื่น ๆ อีก และก็จะแนะนำคนอื่นให้เข้ามาอ่านด้วย

ขออนุโมทนาบุญในกุศลที่ท่านอาจารย์ได้สร้างในการให้ความรู้ด้านสุขภาพ ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดไปค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์คนข้างหลัง และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณอาจารย์และท่านผู้อ่านที่กรุณาติดตามอ่านบันทึกครับ...

ความจริงคนเขียนน่าจะขอบคุณท่านผู้อ่านด้วย

  • เพราะท่านผู้อ่านเป็นนาบุญ... เปรียบคล้ายชาวนาอาศัยนา ปลาอาศัยน้ำ หรือนกอาศัยฟ้า
  • มีแนวโน้มว่า ระบบประกันสุขภาพทั่วโลกอาจจะล้มละลาย... เนื่องจากค่าใช้จ่ายสุขภาพสูงมาก + คนสูงอายุที่มีโรคมากเพิ่มขึ้นทั่วโลก

เพียงคนไทย (+ลาว+กัมพูชา+พม่า...) ช่วยกันดูแล ใส่ใจสุขภาพ จะประหยัดชีวิต ประหยัดเงินทั้งส่วนบุคคล และช่วยชาติประหยัดไปพร้อมกันในคราวเดียว

  • ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของอาจารย์เช่นเดียวกันครับ

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีโอกาสออกกำลังเพื่อสุขภาพไปนานๆ ครับ...

  • เมื่อวานดิฉันไปพบแพทย์ตามนัด นั่งคุยกับคนไข้ที่รอพบแพทย์เหมือนกัน เราลงความเห็นว่า การรักษาสุขภาพตั้งแต่เด็กๆ น่าจะดีที่สุด แต่มันสายไปเพราะเราผ่านวัยนั้นมาแล้ว
  • แต่พอเราซึ่งอายุมากพอสมควรแล้วไปบอกเด็กๆ วัยทีน ทั้งหลายว่าเขาควรรักษาสุขภาพเพราะจากประสบการณ์ของเรา สรุปได้อย่างนั้น เด็กๆ กลับไม่ใส่ใจ
  • คาดว่าเขาจะคิดได้ตอนอายุเท่าเราเหมือนกันค่ะ
  • ขอขอบคุณ อาจารย์หมอวัลลภ ที่ได้พยายามรณรงค์ให้คนรักษาสุขภาพตนเองแทนการให้โรงพยาบาลรักษา และความรู้ที่อาจารย์มอบให้ค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์ Wanpen และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • อดีตผ่านไปแล้ว...
  • อนาคตยังมาไม่ถึง...
  • เรื่องสุขภาพก็เช่นเดียวกัน เราเพียงแต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด (เท่าที่พอจะทำได้)... นั่นก็ดีเหลือเกินแล้ว

 

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท