คนไร้บ้าน คนเร่ร่อน ฅนสนามหลวง ก็คนเหมือนกัน
การสนับสนุนให้เกิดการทำงานเพื่อกระจายโอกาสในสังคมท้ายสุดก้เป็นเพียงนโยบายที่สวยหรูเช่นเดียวกับรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาทุกยุคทุกสมัย ระดับนโยบายดูโก้หรูเปิดโอาสและรับฟังปัญหาจากทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางการทำงานเพื่อการกระจายโอกาสพร้อมเปิดพื้นที่ในการทำงาน พื้นที่ในการแสดงออกของคนด้อยโอกาสอย่างเต็มที่ แต่ พอลงมาถึงระดับปฏิบัติการรูปการกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏ คืออคติที่ยังมีอยู่อย่างเต็มที่ ยังมีการตีตรา พิพากษา และดูแคลนทั้งกลุ่มเป้าหมายว่าไม่มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองได้ หนำซ้ำยังเลยเถิดมาถึงคนทำงานว่า ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริง ??? แสดงความเห็นแบบนั่งเทียนเขียนเอง คิดเอาเองว่า ทำไม่ได้ โดยยึดจากอคติและวิธีการทำงานของตัวเองเป็นสำคัญ โอกาสที่ว่าก็เลยยังมาไม่ถึงจริง ๆ เสียที
หน่วยงานภาครัฐหน่วยต่าง ๆ ที่เป็นกลไกสำคัญในการทำงานกับคนด้อยโอกาสในพื้นที่ต่าง ๆ ตัวบุคลากรเองยังไม่ปรับทัศนคติในการทำงาน ยังมีกรอบความคิดเดิม ๆ โดยเฉพาะ อคติกับองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานในระดับพื้นที่ จึงทำให้เกิดข้อจำกัดและอุปสรรคขัดขวางในการทำงานเพื่อกระจายโอกาสไปยังคนด้อยโอกาสในพื้นที่อย่างจริง ๆ จัง ๆ การทำงานที่อิงเวลาราชการเพียงอย่างเดียว อิงรูปแบบการประสานงาน และ กระบวนการส่งต่อที่ใช้กลไกของทางราชการแข็ง ๆ นั้น ไม่สามารถตอบโจทย์ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัยหาคนด้อยโอกาสได้อย่างเป็นระบบและเข้าถึงปัญหาได้อย่างจริงจัง
การสนับสนุนส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข บรรเทาปัญหา ก็ยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่อย่างกว้างขวาง ทำนองว่า ไม่ชอบใคร ไม่ชอบองค์กรไหน ต่อให้ทำงานในระดับพื้นที่อย่างจริงจังมากแค่ไหน โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนก็ไม่ต้องพูดถึง ยิ่งถ้าหากว่ามีกลไกภายในที่มีระบบอุปถัมป์แฝงเร้นอยู่ด้วยแล้ว การสนับสนุนก็จะไหลไปกองรวมอยู่กับองค์กรที่ไม่ได้ทำงานในระดับพื้นที่อย่างจริงจัง แต่ เป็นองค์กรที่บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐมีความรู้สึกดีด้วย หรือ ให้การสนับสนุนกันเป็นการส่วนตัวอยู่ เรื่องนี้ ยังมีและเป็นอยู่แม้แต่ในการทำงานกับคนด้อยโอกาส???
คนไร้บ้าน คนเร่ร่อน คนด้อยโอกาส หากจะนับกันจริง ๆ จำนวนตัวเลขของคนกลุ่มนี้ทั่วประเทศมีนับแสนคน แต่มีองค์กรเอกชนที่ทำงานอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพียงไม่กี่องค์กร ที่ทำงานด้านการสนับสนุนส่งเสริมแนวความคิดในการทำงานให้เขาสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่นำมาพัฒนาตนเอง กลุ่มของตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ใช่การทำงานแบบหยิบยื่น และให้การสงเคราะห์เพียงอย่างเดียว แต่ องค์กรที่ทำงานแบบนั้น มักจะไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำงาน เพียงเพราะ การตีโจทย์การทำงานกับกลุ่มเป้าหมายให้ฉลาดและเท่าทันนั้น ไม่ใช่การตอบโจทย์ของการทำงานภาครัฐในระดับปฏิบัติการ อาจจะเป็นเพราะ ว่า บุคลากรในระดับปฏิบัติการของภาครัฐกลัวว่าคนด้อยโอกาสจะฉลาดและเกิดการต่อรองเรียกร้องมากขึ้นกระมัง การทำงานด้านการพัฒนาศักยภาพก้เลย จะไม่ได้รับการเอาใจใส่ และสนับสนุนเท่าที่ควร เขาเหล่านั้นก็คนเหมือนกันนะ
สวัสดีพี่ๆเว็บอิสรชนค่ะ หนูขอขอบคุณเว็บนี้มากเลยนะคะที่ได้ให้ความรู้หนูเกี่ยวกับงานสังคมสงเคราะห์ หนูได้ใช้ความรู้ที่อ่านไปจากที่นี่ไปสอบตรงคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่หนูก้อยังไม่รู้ว่าหนูจะติดมั้ยอ่ะค่ะ แหะๆ ถ้าหนูติดแล้วหนูจะเข้ามาขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ ขอให้พี่ๆตั้งใจทำงานเพื่อสังคมของเรานะคะ หนูเป็นกำลังใจให้คะ แล้วหวังว่าคงมีซักวันที่หนูจะมีส่วนช่วยให้สังคมเราพัฒนายิ่งๆขึ้นไปค่ะ