หลวงพ่อชา สอนไว้ว่า "เวลามองปัญหาให้มองแบบเทียน อย่ามองแบบไฟฉาย" ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตและหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี เช่น ถ้าเราเป็นครูสอนเด็ก แล้วเด็กเรียนไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้หมายหมายความว่าเด็กโง่ แต่อาจเป็นเพราะเราสอนไม่ดีก็ได้ แต่ส่วนมากมักไม่โทษตัวเอง มักโทษแต่คนอื่นซึ่งเหมือนไฟฉาย ที่ส่องสว่างหาแต่คนอื่น ไม่เคยส่องเข้าหาตัวเอง ซึ่งเราน่าจะมองปัญหาแบบเทียน ที่ส่องสว่างรอบตัวเห็นทั้งเขาและเรา......
ถึ่งสมัครสมาชิกใหม่วันนี้เองค่ะ
เข้ามาอ่านแล้ว ต้องขอขอบคุณที่มอบแง่คิดที่ดี ๆ ให้ไว้ เพราะอาจมีหลายครั้งที่คนเราลืมมองตนเอง ได้แต่มองผู้อื่นทำให้เกิดความประมาทในตนเอง ทำให้ยึดแต่ตนเองทั้งในความคิดและการกระทำว่าถูกต้อง แล้วตำหนิติเตียนคนอื่นว่าไม่ดี ก็ได้แต่พยายามหันมามองตนเองอยู่บ่อย ๆ คอยให้ตนเองมีสติอยู่เรื่อง ๆ กับอาการต่าง ๆ ก็ได้แง่คิดจากครูบาอาจารย์และจากหนังสือ หรือเว๊บธรรมะเข้ามาฝึกฝนตนเอง และปฏิบัติจริง แต่บางครั้งก็หลุดไปบ้างเพราะงานที่ทำ ๆ ให้ต้องเข้าในกลุ่มของสังคม ต้องเข้าไปในหมู่ของอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ยิ่งเห็นว่าแม้จะฝึกดีเท่าไรแต่ฝึกสติควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็ถือว่าที่ผ่านมายังไม่ดีพอ
ก็ต้องขอขอบคุณกับอีกหนึ่งความคิดที่ได้ให้ไว้
ขอแสดงความนับถือ
สวัสดีค่ะ คุณคนข้างหลัง
ขอบคุณมากค่ะสำหรับการแลกเปลี่ยน และรู้สึกดีใจที่มีคนคอเดียวกัน(คอธรรมะ)มาร่วมพูดคุยด้วย..ยินดีมากค่ะหากมีเรื่องเล่าดีๆเล่าสู่กันฟังอีก...
ขอแสดงความนับถือเช่นกันค่ะ
สวัสดีคะ....อ.น้อง
ดีใจนะคะที่เปิด blog ... ยินดีต้อนรับสู่ Gotoknow.org ...
^____^
กะปุ๋ม
ขอบคุณค่ะ...สำหรับกำลังใจ..ทั้ง ท่าน Panda และ Dr.kapoom ค่ะ
สวัสดีครับ พี่น้อง ดีใจจังที่ได้พบกัน ณ ที่นี้ เพิ่งทราบว่าพี่มาอยู่ที่ มมส. เล่าให้ฟังหน่อยซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม?
Hello อ น้อง คนสวย
เดี่ยวนี้พึ่งธรรมมะแล้วหรอ แต่ดีนะ
จากคนสวยกว่า
5555