ชีวิตกับเทคโนโลยี


ยุคมือถือที่คุยได้แทบทุกที่ แม้กระทั่งระหว่างขับรถ เดินทาง เรียกกันว่าสะดวกจริงๆ แต่เรามีเวลาเป็นตัวของตัวเองตอนไหนบ้างครับ จะปิดหรือไม่รับสายก็โดนต่อว่า ไม่ว่าเป็นเวลาใด

มีคนกล่าวเสมอว่า การผลิตเทคโนโลยีมีเป้าหมาย และเป็นการทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์เราดีขึ้น ผมเคยหลงเชื่อคำพูดเหล่านี้มาอย่างน้อยก็ระยะแรกๆของการสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะดูเหมือนจะดีขึ้นจริงๆ ทุกทีที่เจอของใหม่

แต่ทุกครั้ง ไม่นานก็รู้ว่าไม่จริง และตรงกันข้ามเสียด้วย

แต่ก่อนเราไม่มีโทรศัพท์ มีข่าวคราวอะไรก็ต้องใช้คนไปบอกกัน ไกลแค่ไหนก็ต้องไป คนที่อยู่ในเมืองก็อาจมีโทรเลขที่ติดเป็นคำละ ๑-๒ บาท ผมก็จำไม่ต่อยได้ เทียบกับสมัยนี้แล้ว แพงกว่ามากใช่ไหมครับ

ต่อมาเราก็มีโทรศัพท์สาธารณะ โทรศัพท์บ้าน โทรพิมพ์ โทรสาร ติดต่อกันตามเวลานัดหมาย ว่าจะสะดวกคุยเมื่อไหร่

จนมายุคมือถือที่คุยได้แทบทุกที่ แม้กระทั่งระหว่างขับรถ เดินทาง เรียกกันว่าสะดวกจริงๆ แต่เรามีเวลาเป็นตัวของตัวเองตอนไหนบ้างครับ จะปิดหรือไม่รับสายก็โดนต่อว่า ไม่ว่าเป็นเวลาใด แถมยังมีระบบฝากข้อความทั้งคำเขียนและเสียงอีกต่างหาก

ทางด้านการทำงานนั้น แต่ก่อนทำบนกระดาน ทำแล้วลบ จำไว้ในหัว ต่อมาเป็นทำในกระดาษเก็บไว้ได้ ต่อมาเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จนถึงแบบพกพา ยี่งทำให้การติดต่อสื่อสาร และทำงานทำได้ทุกที่มากขึ้นไปอีก

ทั้งหมดเขาว่าทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ผมขอเถียงแบบหัวชนฝา

ดูซิครับตอนนี้เกือบตีหนึ่ง ผมยังใช้โน๊ตบุค ต่อ GPRS มือถือทำงานประสานกับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกอยู่เลย

งานต้องรีบทำ ยังไม่เสร็จดีก็มีงานอื่นมาจ่อคิวเป็นชั้นๆ ไม่ต่ำกว่า ๕ งาน เอกสารแก้ไขส่งกลับไปกลับมาคืนหนึ่งไม่รู้กี่รอบ ทั้งๆที่สมัยก่อนใช้เวลาเป็นเดือน

ปีหนึ่งเขียนถึงเพื่อนต่างชาติสัก ๒ ฉบับก็มากแล้ว

ตอนนี้วันไหนไม่ online ก็ต้องมีข้อแก้ตัวแล้ว ไม่งั้นก็โดนต่อว่าว่าทำอะไรอยู่ จึงไม่รีบทำงาน

เอ๊ะ เราสร้างเทคโนโลยีมาทำอะไรครับ เพื่อคน (ใคร? คนใช้ คนขาย?) หรือเพื่อเทคโนโลยี (ที่จะดีกว่าเดิมนะครับ) ชักจะมึนครับ วันหนึ่งโลกแตกดับไปเทคโนโลยีเหล่านี้ก็คงจะสูญหายไปอยู่ดี

เขาว่าเราจะมีความสุขมากขึ้น ชีวิตดีกว่าเดืม

ใครบ้างครับที่ดีกว่าเดิม ช่วยบอกหน่อยครับ

ผมได้งานมากขึ้นจริง แต่ชีวิตดีกว่าเดิม ไม่ค่อยแน่ใจ

ลองคิดเล่นๆนะครับ เห็นคนพูดว่าผมเสนอแต่เรื่องเครียดๆ ก็เลยลองเปลี่ยนบ้าง

หมายเลขบันทึก: 65236เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2006 01:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 11:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
เทคโนโลยี มันเป็นระบบวิธีการสื่อสารใหม่ ขุดความรู้ใหม่ ที่มีพลังในการเชื่อมโยงข่าวสารอย่างน่าอัศจรรย์ จริงๆแล้วเจ้าเทคโนโลยีนี้มันอยู่ของมันเฉยๆ บังเอิญว่าคนใช้จริตต่างกัน ต่างกิเลศ ต่างความต้องการ สรุปแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันในเรื่องอะไร ใช้ไปทางดีก็ได้ ใช้มันในทางที่ไม่ค่อยดีก็ได้ มันเหมือนพระพุทธรูปครับ บางคนก็กราบไหว้บูชา บางคนก็บั่นเศียรพระไปขาย ใช้เทคโนโยลีไปในทางสร้างสุขเกษมสานต์ก็ได้ สร้างระบบอเวจีก็ได้ เหมือนพวกที่สร้างไวรัส แกล้งคนอื่น สำหรับผมคิดว่าดีแน่ๆ อย่างน้อยก็โทรหาหวานใจได้ทั้งโลก
  โลกวินาศเร็วเพราะเทคโนโลยีนี่แหละครับเป็นตัวเร่ง
เพราะโลกตกอยู่ในอำนาจของ ความโลภ ถ้าอะไรมันช้าลงได้ การทำลายล้างโลก เช่นสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ คงช้าตามไปด้วย .. แต่ถ้าคิดเป็น ก็ใช้ วิธี หนามยอกหนามบ่ง ได้นี่ครับ .. เอาพลังเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาที่มนุษย์ใช้พลังเทคโนโลยี ก่อไว้ .. เช่นที่ทำกันใน Gotoknow นี่ก็ OK. นะครับ

เรียนท่านอาจารย์ ดร.แสวง ที่นับถือ

 ชีวิต กับ เทคโนโลยี เป็นของคู่กัน

 ชีวิต ต้องนำเทคโนโลยี หลายท่านหลงให้เทคโนโลยีนำชีวิตComputer Smash

 ต้องพินิจให้ดี ชีวีจะมีค่า ถ้าไม่หลงมูลค่ากับเทคโนโลยี



ขอบคุณครับ ครูบา JJ  และ Handy

ผมก็ลองบ่นดังๆกับตัวเองนะครับ

บางทีเราก็เผลอใช้เทคโนโลยี จนลืมคุณภาพชีวิต บางทีก็เกินไป

เด็กสมัยนี้บางทีก็วิ่งตามเทคโนโลยีจนลืมแม้กระทั่งตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

ต้องมีมือถือรุ่นล่าสุดมาอวดกัน อะไรประมาณนั้น เห็นแล้วอนาถใจ ที่นำไปสู่ความเลวร้ายอีกหลายอย่าง ผู้ได้ประโยชน์ก็เห็นแต่ผู้ประกอบธุรกิจ จนมีทรัพย์สินล้นฟ้ากันไปทั้งตระกูล

ผมเลยไม่แน่ใจว่าเขาจงใจสร้างมาเพื่อใครและใครบังเอิญเป็นผลพลอยได้กันแน่

หรือว่าประโยชน์ร่วมกัน

เอ๊ะร่วมกันยังไง งง อีกแล้วครับ

เรียน ผศ.ดร.แสวง ที่เคารพ

อาจารย์ครับเทคโนโลยีเขามีใว้อำนวยความสะดวก และสร้างรายได้ในทางธุรกิจ แต่ทุกวันนี้คนเราก็เอามาเป็นความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นถ้าเราไม่เลือกสรร และปล่อยวางบ้าง ก็จะเป็นทุกข์ครับ

ด้วยความเคารพ

ท่านมีความคิดอย่างไร ระหว่าง

  1. iT
  2. IT
  3. It
  4. it

เป็นท่านจะเลือกข้อไหนเป็นตัวนำของชีวิต ?? และเห็นด้วยกับท่าน JJ คะ

กราบเรียนด้วยความเคารพ

 

 

น้องนิวครับ

ผมไม่ค่อยเข้าใจรหัสที่คุณเขียนมาเท่าไหร่หรอก แต่ผมว่า เทคโนโลยีต้องเพื่อชีวิตครับ ไม่ใช่ชีวิตเพื่อเทคโนโลยี

ขอบคุณครับที่เสนอความเห็นและคำถาม

  แหม .. อดไม่ได้อีกแล้วครับ 
    เทคโนโลยีต้องเพื่อชีวิตครับ ... บังเอิญว่าตรงกันอีกแล้ว  คราวไป Workshop เรื่อง ICT กับการเรียนการสอน ที่ มช. สนับสนุนโดย UNESCO เมื่อไม่นานมานี้ ผมเป็นตัวแทนกลุ่ม นำเสนองาน หลังพิธีเปิด  ผมกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า พอกันได้แล้วกับ  ICT for ICT สิ่งที่ต้องรีบจัดการก็คือ ช่วยกันทำให้เกิด ICT for Life  ให้มากๆ และผมก็ทำทุกทาง ทุกโอกาสเพื่อชักชวนกัน ทั้ง นักศึกษา ครูอาจารย์ ผู้บริหารโรงเรียน ให้สนใจเรื่องนี้ครับ

...สวัสดีคะอาจารย์ขา....

ระรินเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของ G2K แต่เว้นว่างจากการติดตามบร็อคของผู้รู้ทั้งหลายไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากเทคโนโลยีด้านมืด อย่างไวรัส ตัดช่องทางคบค้าสมาคมของระรินไปช่วงหนึ่ง ซึ่งช่วงนึ้เริ่มอาการดีขึ้นแล้วคะ

ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะคะ ระรินขอรบกวนอาจารย์ในเรื่องที่ระรินกำลังได้รับมอบหมายและความไว้วางใจจากศูนย์วิทยาศาสตร์ขอนแก่น อ.บ้านไผ่ ในการจัดทำนิทรรศการเรื่อง ชีวิตอาศัยเทคโนโลยี คะ ซึ่งก็ได้รับเกียรติในการร่วมงานกับสถาปนิกผู้ออกแบบมีชี่อท่านหนึ่งและ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและวิจัยอีกท่านหนึ่ง ซึ่งก็เป็นสมาชิก G2K เช่นกัน ที่จะมาร่วมกันจัดทำเนื้อหานำเสนอศูนย์วิทยาศาสตร์

....ทางเราจึงต้องการทราบความหมายหรือนิยาม " ชีวิต อาศัย เทคโนโลยี " และวิทยาศาสตร์ กับ เทคโนโลยี แตกต่างกันอย่างไร

ในมุมมองของอาจารย์ น่ะคะ ระรินอยากจะนำ มุมมองของนักวิชาการในครอบครัว G2K ถ่ายทอดลงไปผ่านสื่อผสมที่จะจัดทำเสนอศูนย์วิทย์ฯ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ในครั้งนี้ ระรินขอรบกวนอาจารย์ช่วยตอบหรือให้แง่คิดกับระรินด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท