นานมาแล้วไม่ทราบปีไหน และเมื่อไร ผมได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับพ่อ ที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ เล็กๆ เรื่องมีอยู่ว่า
มีครอบครัวหนึ่งของคนจีน(ตามที่เขาเล่ามาครับ)ต้องเลี้ยงดูพ่อที่อายุมากแล้ว และเขา(ลูก)ไม่มีเวลาคอยดูแลพ่อ เขาเลยคิดจะทำอย่างไรดีกับพ่อ เพราะเขาต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวและเขาก็มีลูกอีก 3 คน(ใส่เอาเองจำไม่ได้ว่ากี่คน)ทำให้เขาคิดหนักมาก จนมาวันหนึ่งเขาคิดได้ว่าจะทำอย่างไร วันนั้นเขาตื่นแต่เช้ามืด และได้พาพ่อเขาไปด้วย พอเขากำลังจะออกจากบ้านไป ลูกของเขาตื่นมาพอดี ในใจของเขาไม่อยากพาลูกไปเลย แต่ไม่เป็นไรถ้าลูกอยากเขาก็ให้ไป เขาได้พาพ่อไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึก พอถึงท่าเรือเขาก็นำเข่งใบใหญ่ออกมา ตอนที่เขานำเข่งออกมาลูกได้ถามพ่อว่า พ่อนำเข่งมาใส่อะไร เขาตอบว่าเอามาใส่ปู่ เขาบอกว่าปู่แก่มากแล้ว พ่อไม่มีเวลาคอยดูแลปู่ พ่อจะทิ้งปู่ลงทะเล เขาบอกกับลูกว่าใจของพ่อไม่อยากทำเลยลูกแต่มันจำเป็นจริงๆ ลูกทั้ง 3 คนฟังแล้วก็เห็นใจพ่อ และลูกคนโตก็พูดกับพ่อว่า พ่อทิ้งปู่ลงทะเลได้ แต่พ่ออย่าทิ้งเข่งลงไปด้วยนะครับ พ่อก็ถามลูกว่าทำไมไม่ให้ทิ้งเข่งลงไปด้วย ลูกคนโตตอบว่าก็เก็บเข่งนั้นไว้ทิ้งพ่อตอนที่พ่อแก่เหมือนปู่งัยครับ พ่อได้ฟังเช่นนั้น นิ่งไปสักพัก แล้วเขาก็คิดได้ ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นตัวอย่างทำให้ลูกปฎิบัติตาม เขาเลยเลิกความคิดนั้น และตอนหลังถึงเขาไม่มีเวลา เขาก็ดูแลพ่อของเขา จนวาระจนท้ายของพ่อ และเขานึกถึงตอนที่ลูกพูดกับเขาอยู่ตลอดเวลา
มันเป็นคติสอนใจ เราและทุกๆคน ว่าเราจะสอนลูกให้ทำอย่างไรลูกก็ไม่เชื่อ ยกเว้นเขาจะเห็นในสิ่งที่เราทำเท่านั้น ฉนั้นเราไม่ควรพูดอย่างเดียวเวลาสอนลูก เราควรปฎิบัติตามคำพูดเสมอ แล้วลูกจะเชื่อเราเอง
ตั้งแต่ผมเมื่อได้ฟังเรื่องเล่ามานั้น ผมไม่เคยคิดเก็บเข่งไว้ที่บ้านเลยครับ กลัวครับกลัวจริงๆ
ดีมากเลยครับ สั้นๆแต่มีค่าความคิดมากเลยครับ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่แบ่งปันให้กับเรา