ชื่อเรื่อง: Wit
แสดงนำ และเขียนบทภาพยนตร์: Emma Thompson
กำกับโดย: Mike Nichols
เขียนบทละครเวทีี: Margaret Edson
หนังเรื่องนี้เป็นหนังของโทรทัศน์ช่ิอง HBO ไม่แน่ใจว่าถ้าติดต่อไปทางเคเบิ้ลบ้านเราแล้วเค้าจะจัดให้ได้รึเปล่า แต่ถ้าใครสนใจจริงๆ ก็หาซื้อได้ online ทั่วไปค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง
เอมม่า ทอมสัน แสดงเป็น ศาสตราจารย์สาขาภาษาศาสตร์ชื่อดัง ที่มีบุคลิกแข็งๆ ใจเด็ดมากๆ เธอเป็นมะเร็งรังไข่ ขั้นสุดท้ายและรับเข้าการรักษาแบบทดลองโดยคุณหมอนักวิจัยที่ ศึกษาการให้คีโม แบบเต็มโดส ทั้ง 8 ครั้ง เป็นการลองดูว่าคนเราทนได้ไม๊ แล้วก้อนเนื้อร้ายจะเล็กลงแค่ไหน มะเร็งจะหยุดรึเปล่า
เรื่องนี้นอกจากเน้นเรื่องความสัมพันธ์์ระหว่างหมอ พยาบาล และ คนไข้ แล้ว ยังเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความเจ็บป่วย ความตาย และในขณะเดียวกันก็สอนเรื่องความเรียบง่ายของสิ่งที่คนเราต้องการในยามยาก ไม่อยากเล่ามากเพราะเดี๋ยวจะดูไม่สนุก : )
มีรายละเอียดหลายๆอย่างที่น่าชื่นชมทั้งคนเขียนบท คนกำกับ และคนแสดงค่ะ ชอบเรื่องนี้มากๆ เหมือนจริงมากๆค่ะ นักศึกษาแพทย์และพยาบาลทุกคนน่าจะได้ดูจริงๆ
หรือใครก็ได้ที่คิดว่าตนแกร่งมาก เก่งมาก ไม่ต้องเพิ่งใคร ก็ควรดูค่ะ
ส่วนตัวคิดว่าดีกว่าเรื่อง The Doctor และ Patch Adam ค่ะสมจริงมากกว่า และ ลึกซึ้งแต่เรียบง่าย!(งงไม๊คะ ไว้ดูแล้วจะรู้ค่ะ)
--------------------------------------------------------------------------
หนังเรื่องนี้ใช้ บทกลอน บทหนึ่ง เป็นตัวช่วยเดินเรื่อง
น่าสนใจมากค่ะ อ่่านยากหน่อยเพราะเป็นภาษาอังกฤษโบราณ (ศตวรรษที่ 17) แต่ก็น่าจะพอเดาความหมายได้ค่ะ
ตัดตอนมาบางส่วนนะคะ
Thou’art slave to Fate, chance, kings, and desperate men,
And dost with poyson, warre, and sicknesse dwell,
And poppie,’or charmes can make us sleepe as well,
And better then thy stroake; why swell’st thou then?
ท่อนสุดท้ายนี้ชอบมากค่ะ ไว้ดูหนังแล้วจะมีรายละเอียดช่วยทำให้เข้าใจกลอนนี้มากขึ้น
One short sleepe past, wee wake eternally,
And death shall be no more, Death thou shalt die.
ดีใจค่ะที่อ.วัลลภชอบ ตอนที่นางเอกเปรยประโยคนี้ออกมานั้น หนูหัวเราะก๊่ากเลยค่ะ เด็ดมาก
อยากให้บุคคลกรทางการแพทย์ได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆ จะเอากลับไปสอนให้นร.ดูแน่ๆค่ะ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่อาจารย์พยาบาลที่ UofA ใช้ประกอบการสอนค่ะ ดูแล้วต้องเลือก 1 ตอนที่ชอบที่สุดขึ้นมาวิเคราะห์ว่าในสถานการณ์นั้นๆ ในบทบาทของคนไข้ และพยาบาลแล้ว..มีอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำเพราะอะไรอย่างไร...และในนักวิจัยเราจะวิเคราะห์เหตุการณ์อย่างไร.....ขอบคุณค่ะ
สวัสดัปีใหม่ค่ะ อ. จันทรรัตน์ ขอบคุณที่อ.แวะมาอ่านนะคะ
ดีใจจังเลยค่ะที่ อ. พยาบาลที่ UofA ใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้มาประกอบกานสอนด้วย ว่างๆ อ.จันทรรัตน์แวะมาเล่าต่อได้นะคะ
อาจารย์มัทนาครับ
พี่จุดครับ
อ. เต็มศักดิ์ ค่ะ:
จริงๆเราให้ดูในกลุ่ม นศพ. ด้วย ตอนผมสอนเรื่อง communication with patient in the end-of-life เล่นให้แพทย์ใช้ทุน (post-graduate) และ อาจารย์แพทย์ที่ภาคฯ (post-post-graduate) พี่โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพก้พึ่งขอยืมไปทำ workshop และที่ขอนแก่นก็ใช้ภาพยนต์เรื่องนี้สอนแพทย์ใช้ทุนเหมือนกันครับ
กฏหมายเกี่ยวกับ advanced directives พึ่งคลอดตัวแม่ออกมาปลายเดือนมกราคมปีนี้เอง เป็นมาตราหลักการ และครอบคลุมถึงแค่ withhold treatment ยังไม่ถึงกับ withdraw treatment และยังไม่ถึง active euthanasia แน่ๆครับ รายละเอียดที่จะนำกฏหมายพรบ.สุขภาพ ฉบับนี้มาใช้ ต้องรอออกเป้นกฏกระทรวงที่จะว่าด้วยเรื่องรายละเอียดอีกทีนึงครับ
ผมชอบหลายตอนมาก ได้อารมณ์ต่างๆกันทุกครั้ง เรื่องนี้ใช้ "อารมณ์ขัน" มาช่วย narrate เรื่องที่เครียดมากๆได้ดีสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก grand round ฉาก isolation in the isolated room จนไปถึงฉาก permission to die ที่ Professor มาอ่านเรื่อง run-away bunny ให้ฟังจน calm down หลับได้ แล้วจบด้วยคำ "Time to go" ซึ่งมีสองความหมายซ้อนกันคือ time สำหรับแกจะกลับบ้าน หรือ time สำหรับ Barring ที่จะจากไปได้แล้ว
ทุกคำมี dualism หมด คนเขียนบทนี่ต้องบอกว่าสุดยออออด จริงๆ!! * * * * * *
ต้องติดตามเรื่องนี้ ดูน่าสนใจค่ะ
หากดูแล้วจะนำมาแลกเปลี่ยนนะคะ
กังสดาล
อาจารย์ครับ
เรียน อ.หมอมัทนา
ขออนุญาตนำชื่อบันทึกและลิงค์ของบันทึกดีๆ บันทึกนี้รวบรวมไว้ในเว็บไซต์ MS-PCARE
หัวข้อหลัก=สื่อการสอน
หัวข้อย่อย=ภาพยนตร์ค่ะ หรือที่นี่ค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ