ทำนายฝัน KM


จุดท้าทายที่สำคัญที่จะทำให้ สคส ทำงานได้อย่างรวดเร็วก็คือ การเซาะร่องระบบคิดและระบบการทำงานของสังคมไทย ที่ไหลเชื่องช้า คดเคี้ยว วนไปวนมา ที่มีมาแต่เดิม ให้ไหลตรงและเร็วขึ้นแบบเดียวกับการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดเคี้ยว จนทำให้แม่น้ำที่คดเดิมกลับกลายเป็นคลอง และคลองที่ขุดกลายเป็นแม่น้ำแทน

                       สืบเนื่องจาก การเข้าประชุมมหกรรมการจัดการการเรียนรู้ที่ศนย์ไบเทคบางนา ผมค่อยๆแกะรอยฝัน KM ของ สคส ได้พบเส้นทางการทำงานของ สคส ซึ่งบางส่วนผมพอจะรู้อยู่บ้าง แต่บางส่วนก็เป็นความรู้ใหม่ โดยเฉพาะกิจกรรมและความก้าวหน้าของแต่ละภาคส่วนและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผมได้เห็นและตระหนักถึงหัวเชื้อ KM เริ่มต้นที่หลักๆแล้ว ก็ประกอบด้วยสายงานที่คุ้นเคยของ อาจารย์หมอวิจารย์ ผู้อำนวยการ สคส ซึ่งได้แก่ กลุ่มหมอ พยาบาล และสาธารณสุข ทั้งในระบบสาธารณสุขและระบบอื่นๆที่มีคนคุ้นเคยไปทำงานอยู่ เช่นในระบบมหาวิทยาลัย การศึกษา และระบบราชการอื่นๆ และยังได้เชื่อมโยงกับชุมชนที่เข้มแข็ง และมีการจัดการความรู้อยู่บ้างแล้ว ที่สามารถพัฒนามาเป็นชุมชนนำร่องการจัดการความรู้ ที่กระจายไปในทุกภาคของประเทศไทย ทั้งอีสาน เหนือ กลาง และภาคใต้ ทำให้มีต้นแบบของการพัฒนาในระดับชุมชนขยายตัวมากขึ้นทั้งในเชิงปริมาณ พื้นที่ทำงานและคุณภาพการทำงาน KM นอกจากนี้ก็ยังมีแนวร่วมจากองค์กรภาคธุรกิจเอกชนด้านต่างๆ ที่มีบริษัทปูนซีเมนต์ไทยเป็นหัวเรือใหญ่ 

                     เทคนิคและวิธีการในการทำงาน หลักๆ ก็คือ การเติมเชื้อแนวคิด KM ยกย่องผู้ทำงานสำเร็จ และชูโรงองค์กรเหล่านี้ในการประชุมและสัมมนาต่างๆ อย่างไรก็ตามก็ยังมีเส้นทางการดำเนินงานหลัก ที่จะต้องฝ่าฟันอีกหลายเส้นทางด้วยกัน โดยเฉพาะระบบมหาวิทยาลัย ระบบราชการ ระบบธุรกิจเอกชนอื่นๆ และระบบชุมชน ที่ทาง สคส จะต้องพยายามสนับสนุนการสร้างบทเรียนเพื่อให้องค์กรเหล่านี้ ปรับตัวและขยับตัวเพื่อทำ KM ที่เเหมาะสมกับองค์กรของตัวเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการทำ KM ต่างระดับ แต่นำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ที่ทาง สคส ต้องปรับกระบวนขับเคลื่อนการทำงานนี้ ทำให้เกิดการสร้างนักจัดการความรู้ทั้งในระดับชุมชมชน องค์กร และระดับชาติ ตามภาพฝัน ของท่านรัฐมนตรี ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่จะพยายามทำให้ สคส เป็นศูนย์จัดการความรู้แห่งชาติ เพื่อการจัดการความรู้ทุกหย่อมหญ้า               

                     ดังนี้ภารกิจสำคัญของ สคส ก็คือ จะต้องฝันฝ่าอุปสรรค วิ่งผ่านหลุมดำต่างๆให้ได้เร็วที่สุด และหลุมดำที่ใหญ่และสำคัญที่สุดก็คือ วัฒนธรรมการทำงานของชุมชน และองค์กร ที่จะต้องปรับเปลี่ยนเป็นองค์กร Chaordic ตามที่หมอวิจารณ์ได้เขียนไว้ใน blog เกือบ 20 ตอนมาแล้ว สิ่งที่จะทำให้ สคส ทำงานอย่างได้ผล มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้เคล็ดปัญหาในเรื่อง การติดบริโภคนิยมทั้งความรู้และของใช้ของคนไทย ไม่ค่อยอยากเรียนรู้ หรือถือว่าเรียนรู้เป้นการเสียเวลา นำของคนอื่นมาใช้เลยง่ายกว่า ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และองค์กร และเพื่อแก้ไขตัวกำกับการทำงานให้ได้ผลนั้น จะต้องมีการปรับตัวชี้วัด(KPI)การทำงาน ให้เหมาะสมและเอื้ออำนวยต่อการทำงาน KM มากกว่าในปัจจุบัน ที่หลายองค์กรยังเน้นกระดาษเปื้อนหมึก เป็นตัวสำคัญ มากกว่าผลงานที่เป็นจริงแนวทางที่สำคัญ ที่จะทำให้บุคคล ชุมชน และองค์กร ทำงานอย่างบรรลุเป้าหมายของ สคส       KM แบบไร้กระบวนท่าที่เป็นสุดยอดการพัฒนา KM นั้น ผมขอเสนอใช้ ยุทธวิธีของภูมิปัญญาไทย หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ที่ต้องดูจริตของผู้ปฎิบัติว่าเขาอยากได้หรือต้องการอะไร ก็เอาสิ่งนั้นเป็นเครื่องล่อหรือเหยื่อล่อ และตัวเบ็ด KM ซ่อนอยู่ข้างใน และเน้นการใช้ภูมิปัญญาไทยให้มากที่สุด และรีบกำจัดเซลล์มะเร็งการชอบรับรู้ แต่ไม่อยากเรียนรู้ ที่มีอยู่ในสังคมไทยให้เร็วที่สุด เปรียบเสมือนคนที่ชอบนั่งรถโดยสาร แทนการขับขี่รถด้วยตนเอง ที่ดูเหมือนสะดวก แต่แท้ที่จริง จะถูกจำกัดโอกาสในความสะดวกในการการเดินทางไปในสถานที่และเวลาที่ตัวเองชอบหรือเหมาะสมมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นการขาดอิสระในการดำรงชีวิต

                  จุดท้าทายที่สำคัญที่จะทำให้ สคส ทำงานได้อย่างรวดเร็วก็คือ การเซาะร่องระบบคิดและระบบการทำงานของสังคมไทย ที่ไหลเชื่องช้า คดเคี้ยว วนไปวนมา ที่มีมาแต่เดิม ให้ไหลตรงและเร็วขึ้นแบบเดียวกับการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดเคี้ยว จนทำให้แม่น้ำที่คดเดิมกลับกลายเป็นคลอง และคลองที่ขุดกลายเป็นแม่น้ำแทน ถ้า สคส ทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะทำให้ฝัน KM ของ สคส เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและเป็นพลังในการจะพัฒนาประเทศอย่างแท้จริงต่อไปผมเอาใจช่วย และทุมเททั้งตัวและหัวใจเต็มร้อยครับ เพื่อชาติไทยของเรา

หมายเลขบันทึก: 64963เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2006 12:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท