::Lesson 5:: The Five Learning Disciplines


หลักแห่งการสร้างความรอบรู้ 5 ประการของ ปีเตอร์ เอ็ม เซงเก้

หลักแห่งการสร้างความรอบรู้ 5 ประการ ของ ปีเตอร์ เอ็ม เซงเก้ (The Five Disciplines)

โดย ยรรยง สินธุ์งาม

           Peter Senge ได้เสนอแนวความคิดของการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ด้วยกรอบความรู้ 5 สาขา วิชาการ ที่เรียกว่า The five disciplines ซึ่งจะเป็นแนวทางหลักในการสร้างองค์การการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น The five disciplines หรือแนวทางสำคัญ 5 ประการที่จะผลักดันและสนับสนุนให้เกิดองค์การแห่งการเรียนรู้ขึ้นประกอบด้วย

 1. การใฝ่เรียนใฝ่รู้ของสมาชิกในองค์กร (Personal Mastery)
           คือ ลักษณะการเรียนรู้ของคนในองค์การซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้ขององค์การได้สมาชิกขององค์การ ที่เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้นั้น จะมีลักษณะสนใจและใฝ่หาที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอมีความปรารถนาที่จะเรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของตน มุ่งสู่จุดหมายและความสำเร็จที่ได้กำหนดไว้

2. ความมีสติ หรือ มีแบบจำลองความคิด (Mental Model)            
           
คือ แบบแผนทางจิตสำนึกของคนในองค์การซึ่งจะต้องสะท้อนถึงพฤติกรรมของคนในองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้เมื่อสมาชิกในองค์การมีแบบแผนทางจิตสำนึกหรือความมีสติที่เอื้อต่อการสะท้อนภาพที่ถูกต้องชัดเจน และมีการจำแนกแยกแยะโดยมุ่งหวังที่จะปรับปรุงความถูกต้องในการมองโลกและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการทำความเข้าใจในวิธีการที่จะสร้างความกระจ่างชัด เพื่อการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องหรือมีวิธีการที่จะตอบสนองความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏอยู่ได้อย่างเหมาะสม มี Mental Ability ไม่ผันแปรเรรวนหรือท้อถอยเมื่อเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ซึ่งการที่จะปรับ Mental model ของคนในองค์การให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องอาจจะใช้หลักการของศาสนาพุทธ ในการฝึกสติรักษาศีล และดำรงตนอยู่ในธรรมะ

3. การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในองค์การ (Shared Vision)           
           
คือ การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนทั้งองค์การองค์การแห่งการเรียนรู้จะต้องเป็นองค์การที่สมาชิกทุกคนได้รับการ พัฒนาวิสัยทัศน์ของตนให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์รวมขององค์การซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการรวมพลังของสมาชิกที่คาดหวังต่อความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าต่อไปภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันของคนทั้งองค์การ

4. การเรียนรู้เป็นทีม ( Team Learning )
         
คือ การเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิกในองค์การโดยอาศัยความรู้และความคิดของสมาชิกในการแลกเปลี่ยน และพัฒนาความฉลาดรอบรู้และความสามารถของทีมให้บังเกิดผลยิ่งขึ้น เรียกว่า การอาศัยความสามารถของสมาชิกแต่ละบุคคล องค์การแห่งการเรียนรู้จะเกิดได้เมื่อมีการรวมพลังของกลุ่มต่าง ๆ ภายในองค์การเป็นการรวมตัวของทีมงานที่มีประสิทธิภาพ สูงซึ่งเกิดจากการที่สมาชิกในทีมมีการเรียนรู้ร่วมกันมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กันอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

 5. การคิดอย่างเป็นระบบของคนในองค์การ (Systems Thinking) 
              คือ กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการในการหาความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเห็นแบบแผน เห็นขั้นตอนของการพัฒนา คือ เห็นทั้งป่าและเห็นต้นไม้แต่ละต้นด้วย (See Wholes instead of part, See the forest and the trees)            

              
จากหลักการทั้ง 5 ข้อในข้างต้น สามารถสรุปลักษณะของผู้ที่จะรอบรู้ ได้นั้น ต้องมีลักษณะดังนี้ คือ เปิดใจกว้างและรักความก้าวหน้า คนที่ใจกว้าง จะยอมรับได้ว่าตนมีความรู้ความสามารถเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อื่นจะยอมรับในความสามารถของผู้อื่น ยอมรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ และปฏิบัติตามเทคนิควิธีการต่าง ๆ อย่างเต็มใจ การรักความก้าวหน้าทำให้อยากพัฒนาตนให้เท่าเทียมคนอื่น ก็จะเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้อื่นได้โดยง่าย จึงส่งผลให้กลายเป็นผู้รอบรู้ในที่สุด 
   



ที่มา: http://www.fridaycollege.org/blog.php?&obj=blog.view(97)&PHPSESSID=8ae6d9 

 

หมายเลขบันทึก: 64774เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2006 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
เป๊บจ๊ะ

อยากรู้ว่า แล้วในการนำมาประยุกต์ใช้ จะมีวิธีผลักดันอย่างไร ให้คนในองค์กรเห็นความสำคัญ ของการสร้างความรู้ น่าคิดนะจ๊ะ ว่าจะจัดการอย่างไรดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท