HEALTH PROTECTION , MEDICAL CARE ,WELFAREAND SOCIAL SECURITY PROTECTION การคุ้มครองสุขภาพ การรักษาพยาบาล สวัสดิการและการคุ้มครองด้านประกันสังคม
ทำไมต้องมีกฎหมายเรื่องการคุ้มครองสุขภาพ การรักษาพยาบาล สวัสดิการ และการคุ้มครองด้านประกันสังคม
สืบเนื่องจากการเดินเรือทะเลนอกจากจะต้องมีกฎหมายมาให้ความคุ้มครองกับตัวเรือ, การขนส่งทางทะเล รวมถึงกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองแก่สินค้าที่ต้องส่งให้กับผู้รับตราส่งแล้ว ยังต้องมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองกับคนที่ทำงานบนเรือในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ การรักษาพยาบาล สวัสดิการของคนประจำเรือซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากในเรื่องของการทำงานในเรือเดินทะเลนั้นจะเห็นได้ว่าสภาพการจ้างงานก็ดี, สภาพการทำงานก็ดี รวมถึงความเป็นอยู่ของคนประจำเรือย่อมมีความแตกต่างกับคนทำงานบนฝั่ง จึงเกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆในการดำรงชีวิตของคนประจำเรือ เพื่อให้ความมั่นใจกับคนประจำเรือในการทำงานว่าจะได้รับความคุ้มครองในชีวิตและมีความปลอดภัยตลอดการทำงานบนเรือนั้น ๆ
2.1 นายเรือ (Master)
2.2 นายประจำเรือ (Officer) เช่น ต้นเรือ (Chief Officer) ต้นหน (SecoundOfficer)
2.3 ระดับลูกเรือ (Rating) เช่น สจ๊วต (Steward), คนครัว (Cook), กะลาสี (Ordinary Seaman) เป็นต้น
สาเหตุที่ต้องมีการคุ้มครอง
เนื่องจากตามโครงสร้างกิจกรรมทางพาณิชยนาวี นั้นประกอบด้วยธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล ท่าเรือ การบริการนอกท่าเรือ การขนส่งชายฝั่ง สำหรับคนงานประจำเรือนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเลอันทำให้กิจกรรมทางพาณิชยนาวีดำเนินไปได้ด้วยดี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องให้ความคุ้มครองคนประจำเรือเพื่อให้กิจกรรมทางพาณิชยนาวีดำเนินไปโดยสำเร็จตามความมุ่งหมายของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
การจัดประเภทขององค์กรที่เกี่ยวกับธุรกิจพาณิชยนาวี เนื่องจากคนประจำเรือไม่มีอำนาจต่อรองมากนัก ดังนั้นจึงต้องมีการจัดองค์กรขึ้นมาให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบเพื่อให้การช่วยเหลือแก่คนประจำเรือและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพาณิชยนาวี จึงต้องศึกษาถึงการแบ่งประเภทขององค์กรที่เกี่ยวกับธุรกิจพาณิชยนาวี องค์กรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพาณิชยนาวีมีดังนี้
1. องค์กรของรัฐ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม กรมเจ้าท่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมพาณิชยนาวี การท่าเรือแห่งประเทศไทย และองค์กรอื่น ๆ เป็นต้น
2. องค์กรของเอกชน ได้แก่ สมาคมเจ้าของเรือไทย สมาคมเจ้าของและตัวแทนเดินเรือกรุงเทพ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
3. องค์การระหว่างประเทศ ซึ่งมีเพียง 2 องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO)
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสุขภาพ การรักษาพยาบาล สวัสดิการและการคุ้มครองด้านประกันสังคมมี
1. กฎหมายระหว่างประเทศแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.1 อนุสัญญาระหว่างประเทศ (Convention)
1.2 ข้อแนะนำ ( Recommendation)
2. กฎหมายของไทยที่เกี่ยวข้องได้แก่
2.1 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
2.2 กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.2.1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2.2.2 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2542
2.2.3 พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 25372.2.4 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
เปรียบเทียบกฎหมายไทยกับอนุสัญญาระหว่างประเทศและกฎหมายของต่างประเทศ
จากการศึกษาและวิเคราะห์อนุสัญญาระหว่างประเทศขององค์การทั้งสอง คือ ILO และ IMO แล้ว ปรากฏว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาของ ILO ที่เกี่ยวข้องกับคนประจำเรือ แต่สำหรับของอนุสัญญาของ IMO ซึ่งประกอบด้วยอนุสัญญา 3 ฉบับ ที่เป็นอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับแรงงานในงานเรือเดินทะเล โดยในจำนวนนี้ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีแล้ว 2 อนุสัญญา คือ
1. อนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 และ
2. อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตรและการเข้ายามสำหรับคนประจำเรือ ค.ศ. 1978 แก้ไขเพิ่มเติม 1995
ทั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า สำหรับประเทศไทยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองรักษาพยาบาลและสวัสดิการ สำหรับคนประจำเรือนั้น ยังไม่มีกฎหมายออกมาเป็นบทเฉพาะ ทำให้เกิดการขัดกันแห่งกฎหมาย เนื่องจากในแต่ละประเทศนั้นการให้ความคุ้มครองแรงงานในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลไม่เท่าเทียมกัน เช่นในประเทศไทยนั้นการรักษาพยาบาลมีทั้งการประกันสังคม โครงการ 30 บาท แต่ในบางประเทศเช่นสหรัฐอเมริกามีแค่ประกันสังคมแต่การประกันสังคมของสหรัฐอเมริกามีมาตราฐานในการให้ความคุ้มครองมากกว่าของไทย แรงงานในประเทศของเขาจึงได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีกว่า และด้วยเหตุที่คนประจำเรือต้องเดินทางไปทั่วโลก จึงควรได้รับการคุ้มครองที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้คนประจำเรือที่เดินทางไปกับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เมื่อเดินทางไปถึงประเทศใด ๆ ในโลกก็จะได้รับการรักษาในมาตราฐานเดียวกัน ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองคนประจำเรือในเรื่องของการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ อาจออกกฎหมายเป็นกฎกระทรวงโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 22 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หรือ ออกเป็นกฎหมายคุ้มครองแรงงานในงานหรือ กิจการการเดินเรือทะเลเป็นบทเฉพาะขึ้นมา และในการออกกฎหมายดังกล่าวนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. สาระสำคัญของอนุสัญญาและข้อแนะนำของอนุสัญญาของ ILO และ IMO
2. สภาพปัญหาในปัจจุบัน และวิธีการแก้ไขปัญหาที่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
3. การให้ความร่วมมือทั้งขององค์ของรัฐ และองค์กรเอกชนให้มีส่วมร่วมในการออกกฎหมายและการแก้ไขปัญหา เช่น การจัดสวัสดิการ และการรักษาพยาบาล
4. มีผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถและผ่านประสบการณ์มาร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านการรักษาพยาบาล สวัสดิการในงานเดินเรือทะเล
5. การให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันอันตรายจากการทำงานรวมทั้งเพิ่มเติมในด้านการใช้อุปกรณ์ เครื่องจักร หรือลักษณะงานเนื่องจากความเป็นจริงคนประจำเรือบางท่านไม่เคยได้รับการฝึกอบรมมาก่อนและต้องมีการมาเรียนรู้ด้วยตนเองในขณะปฏิบัติงานนั้น
ทั้งนี้ จากการได้สำรวจและสอบถามกับคนประจำเรือ ณ กรมท่าเรือปรากฏว่า ปัญหาด้ายสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงานที่คนประจำเรือประสบอยู่จากการทำงานในปัจจุบัน และต้องการการแก้ไขมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ
1. ค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม
2. ชั่วโมงพักผ่อนและวันหยุดที่ไม่เหมาะสม
3. ไม่มีกิจกรรมนันทนาการที่เพียงพอ ซึ่งก็ไม่พบว่าเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล และสวัสดิการเท่าไรนัก
ไม่มีความเห็น