เวลา...ผ่านไปเร็วจัง!!!


ทุกอย่างเป็นอนัตตา....จากที่เคยเล่นฟุตบอลอดีตศูนย์หน้า วิ่งกระชากบอล หลบหลีกกองหลังเข้าไปยิงประตูแบบไม่ยาก...แต่เดี๋ยวนี้..แค่เดินขึ้นตึก 3 ชั้น ก็หอบแฮกๆ!! ดูตามเนื้อตัวเริ่มมีไขมันเกาะ..ผมเริ่มขาว..ผิวพรรณดูไม่ใสปิ๊ง!! เหมือนก่อน...อืมม์.!! ความแก่ชรากำลังไล่ล่าเรา...มันมาเร็วจนตั้งตัวไม่ติดจริงๆ...
               สวัสดีครับ    รู้สึกว่าช่วงนี้เวลาผ่านไปรวดเร็ว  เผลอแผล็บ เดียวก็ใกล้สิ้นปี พ.ศ.2549   ต้องกลับมานั่งทบทวนดูว่าในระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี.....เราได้ทำอะไรให้กับตนเอง  ครอบครัว  เพื่อนร่วมงาน ชุมชน และประเทศชาติบ้าง  มองอีกมุมหนึ่ง ในเรื่องกาลเวลา.... น่าจะมีความสัมพันธ์กับวัยของคนเรานะครับ   เพราะตอนวัยเด็ก เราจะมีความรู้สึกสนุกสนานเวลาแต่ละปีผ่านไปช้ามาก ....นั่นแสดงให้เห็นว่า ภาระหน้าที่เป็นตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้เรารู้สึกว่า........วัน เดือน ปี ผ่านไปช้าหรือเร็ว ............                 ทุกคนมีภาระหน้าที่ ที่ต่างกัน  อย่างเช่นตัวผมเอง กำลังอยู่ในวัยที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงสุด ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว ที่ลูกๆ กำลังอยู่ในวัยเรียน และตำแหน่งหน้าที่การงาน ที่ต้องมีความรับผิดชอบ นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย จึงเป็นภารกิจที่หนักหน่วงพอสมควร......แต่จริงๆ แล้ว มันขึ้นอยู่กับ  ความคิดของคน เท่านั้นที่บอกได้ว่า....หนัก หรือเบา สุข หรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีต้นทุนทางประสบการณ์ทักษะชีวิตสูงเพียงใด ........มองย้อนไปถ้าเราเคยเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาอย่างหนักตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวัยเข้าทำงานเป็นครูใหม่ๆ เสมอต้น เสมอปลายมาถึงปัจจุบัน...ก็คงสนุกและเป็นสุขกับการทำงาน ณ เวลานี้..........ส่วนเรื่องปัญหาของชีวิตนั้น เชื่อแน่ว่าทุกคนก็คงประสบมาแล้วไม่มากก็น้อย.......เพราะทางเดินของชีวิตเรา....ไม่ตรงเหมือนสายมอเตอร์เวย์.....ขึ้นอยู่ว่า.....พื้นฐานครอบครัว  สิ่งแวดล้อมในวัยเด็ก ได้สร้างภูมิคุ้มกัน จนมีทักษะกระบวนการแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้หรือไม่.......ทุกท่านคงจะทราบว่า  ตัวปัญหา มีเหมือนๆ กัน แต่ตัวบุคคลจะเครียดต่างกัน.......บางคนบอกว่าปัญหาแบบนี้เล็กน้อยมาก...แต่บางคนกับมองว่า โอ้โฮ!! เครียดๆๆ                แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ.........คนที่สามารถมองจุดอ่อนของตัวเองได้.....มองเห็นความดีของผู้อื่น....รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา.......ย่อมจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่ปฏิสัมพันธ์ มองคนแง่ลบ และมีกรอบความคิด ที่เป็นกำแพงเหล็กปิดกั้นตัวเอง.....จนไม่สามารถปลอดปล่อยไปตามสภาวะสังคม สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้.......เกิดเป็นมนุษย์นี่ ทำตัวยาก..นะครับ....แม้แต่ตัวเอง ถึงแม้ภายนอกจะมีความสุข สนุกกับการทำงาน แต่ในบางเวลา..... ก็ยังต้องการความรู้สึกที่ดีๆ จากคนรอบข้างอยู่เหมือนกัน.......นี่ล่ะครับ...เหมือนดั่งพุทธวัจนะ ที่ว่า   ทะทะมาโน  ปิโย โหติ  ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก... ...จงหมั่นเติมสิ่งดี ๆให้ครอบครัว...เพื่อนร่วมงาน....ท่านก็จะผ่านปัญหา ที่รุมเร้าเข้ามาเกินไปกว่าครึ่งแล้วครับ....สวัสดี           
หมายเลขบันทึก: 64283เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2006 01:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท