ดิฉันสังเกตตัวเอง ช่วงเวลาที่สามารถคิดอะไรได้ฉลุย มีสองเวลาคือ ตอนขับรถช่วงเช้า และตอนใกล้ๆจะหลับ....ทันทีที่คิดได้ดิฉันจะรีบทะลึ่งตัวพรวดมาจดไว้..จนคนข้างตัวดิฉันตั้งข้อสังเกตว่าดิฉั๊นเป็นประสาทหรือเปล่า....คิดเรื่องงานแม้จะนอน.....(ดิฉันเถียงในใจไม่ใช่หรอกดิฉันคิดตลอดเวลาแต่เราอยู่ใกล้กัน ก่อนนอนต่างหาก)
เมื่อเช้านี้เช่นกัน....ดิฉันคิดอะไรได้อย่างบรรเจิดในระหว่างขับรถ...จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อจดไว้...มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขับย้อนศรออกจากซอยมาจ๊ะเอ๋กับดิฉัน แถมส่งเสียง"...ขับรถไม่ดูเลย...อีบ้า...." (ต้องขอโทษเธอพูดคำนั้นจริงๆ) ....ดิฉันคิด"ใครผิดว่ะ".....พร้อมทำใจได้และคิดได้ว่า "การใช้ถนน" "การใช้ชีวิตครอบครัว" จะเหมือนกันอย่างหนึ่งคือบรรยากาศจะปกติดีถ้าคนใช้ถนนหรือคนอยู่ร่วมกัน มีอารมณ์ สม่ำเสมอ มีสติ มีวินัย.... เมื่อไรก็ตามที่คนใช้ถนนหรือคนร่วมชีวิต มีอารมณ์ฉุนเฉียว ไม่มีสติระวังรู้....หรือใช้ของที่ใช้ร่วมกันผิดกติกา...เช่นนั้นแล้วกระทบคนอื่น....นี่คือเหตุการณ์ชัดๆเรื่องไม่รู้ตัว..ในการใช้ถนนหรือใช้ชีวิตครอบครัวทุกคนมีโอกาสไม่รู้ตัวได้ตลอดเวลาดิฉันรับรู้ว่าเค้าไม่รู้ตัวและฉุนเฉียว......เราไม่ควรถือโทษเจอกันอีกทีที่หน้าโรงเรียนเราส่งลูกโรงเรียนเดียวกัน...แว๊บแรกที่คิดได้ดิฉันจะด่ากลับดีมั๊ย...."ขับรถย้อนศรแล้วยังมาว่าเค้าเป็นอีบ้าอีก".......แว๊บที่สองช่างเถอะใครจะผิดก็ตามดิฉันทำให้เขาไม่สบายใจและที่สำคัญเค้าไม่รู้ตัว.....ดิฉันจึงตัดสินใจยกมือไหว้...."ขอโทษนะคะเมื่อสักครู่ที่ทำให้อารมณ์เสีย".....ท่าทางเธอตกใจมาก...รับไหว้แล้วรีบเดินหนีไป.. การยกมือไหว้และกล่าวขอโทษ...ลดตัวตนลงได้เยอะที่เดียว
ชอบบันทึกนี้มากครับ พี่เมตตา
เนื้อหาดีมากคะ อ่านแล้วสะท้อนให้เห็นอะไรหลายอย่าง
ถ้าไม่มียอมลดวาราศอก ก็เกิดเรื่องต่อเนื่องได้
ถ้าเรามีสติ มีการศึกษา เราก็ควรเป็นฝ่ายอโหสิ ก่อนเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะเกิด..ไม่ควรเกิดก็จะไม่เกิด
เป็นสิ่งดี ชื่นชมตัวเองไว้เถอะว่า "เรามี EQ" ที่ดีกว่าเขาแน่นอน
การให้การชื่นชมตัวเองบ้าง เป็นบางครั้ง ก็เป็นรางวัลชีวิตครับ...
สุดยอดเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ