บทตัดย่องานวิจัย ปี 2549
แนวทางที่เหมาะสมในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชร่วมกัน ระหว่างทีมสุขภาพ ครอบครัวและชุมชน
แจ่ม กรกระโทก และคณะ โรงพยาบาลเสิงสาง นครราชสีมา
จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิตปี 2541-2544 พบว่ามี ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ปี 2544 เป็นปีแห่งสุขภาพจิต โดยมีเป้าหมายให้ทุกประเทศทั่วโลก ให้ความสำคัญ ไม่ละเลยและทอดทิ้งผู้ป่วยกลุ่มนี้ คลินิกจิตเวชโรงพยาบาลเสิงสางเริ่มจัดตั้งเมื่อเดือน ตุลาคม 2547 จนถึงกันยายน 2548 จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจาก 143 รายเป็น 233 ราย ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือ ขาดยา กินยาเกินขนาด จนมีอาการข้างเคียง รวมทั้งมีอัตราขาดนัดที่สูงถึง 24.49 % การศึกษาครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเอง บทบาทของทีมสุขภาพครอบครัวและชุมชนรวมทั้งหาแนวทางที่เหมาะสมในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชร่วมกัน
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน 7 รายในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขของโรงพยาบาล 6 รายในกลุ่มบุคลากรที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการปฐมภูมิและสาธารณสุขอำเภอ 18 รายในกลุ่มผู้ป่วยและครอบครัว และ 12 รายในกลุ่มผู้นำชุมชน และใช้การสนทนากลุ่มจำนวน 2 กลุ่มใน อสม. และใช้การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมในด้านสัมพันธภาพในครอบครัว ลักษณะบ้าน ระหว่างกลุ่มผู้ป่วยที่รับรู้การเจ็บป่วยและครอบครัวให้การดูแลและมีส่วนร่วมในการดูแล และครอบครัวผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการดูแลตนเองและมีภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาและขาดนัดบ่อย อย่างละ 2 ครอบครัว การสังเกตบันทึกเวชระเบียนของผู้ป่วยที่มีปัญหาขาดนัดและมีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาจำนวน 4 ราย จัดกลุ่มข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม Excel ในการจัดเรียงข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล โดยการใช้การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงลึก ( Content Analysis ) และตรวจสอบข้อมูลโดยใช้เทคนิคสามเส้า ( Triangulation )
สรุปผลการศึกษา : สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตในเขตตำบลเสิงสาง มาจาก กรรมพันธุ์ สารเสพติด และปัญหาครอบครัว รวมทั้งยังพบว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่ชอบเข้าสังคมจะมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยทางจิตได้ง่าย ด้านพฤติกรรมการดูแลตนเองผู้ป่วยที่มีครอบครัวที่อบอุ่นและยอมรับการเจ็บป่วยจะมีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ดี จะพบปัญหาเรื่องการขาดยาหรือขาดนัดน้อย ในผู้ป่วยที่ครอบครัว ขาดความรู้และมีทัศนคติในแง่ลบต่อการเจ็บป่วยทางจิต รวมทั้งครอบครัวที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจจะพบว่ามีปัญหาด้านการดูแลตนเอง ขาดยาและพบอัตราการขาดนัดสูง ปัจจัยด้านนโยบาย ระบบบริการ และชุมชนผลการศึกษาพบว่า ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนรวมทั้ง ยังไม่เข้าใจบทบาทในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช แต่ยินดีให้ความร่วมมือในการพัฒนาและดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข สำหรับนโยบายของหน่วยบริการสาธารณสุขเองให้นโยบายเป็นภาพรวมของการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยมีเป้าหมายคือการดูแลต่อเนื่องและผู้ป่วยสามารถอยู่ในสังคมได้ แต่ยังขาดระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ด้านบุคลากรทั้งในระดับทุติยภูมิและปฐมภูมิยังขาดความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและแพทย์ยังให้ความสำคัญน้อย ด้านระบบบริการ พบว่า สถานที่ให้บริการยังไม่เหมาะสม เพราะเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง และพลุกพล่าน จะมีปัญหามากถ้าฝนตกจะไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้ พื้นที่รอตรวจด้านบนอาคารยังแออัด ระยะเวลาการรอคอยนาน ข้อเสนอแนะ ควรมีการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ทั้งในหน่วยบริการทุติยภูมิและปฐมภูมิรวมทั้งการเพิ่มศักยภาพของ อสม .ในการดูแลในชุมชน และประสานการดูแลโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมโดยประสานผ่านองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านคลินิกบริการควรจัดให้มีพื้นที่บริการเฉพาะที่เงียบสงบและเป็นสัดส่วน ข้อเสนอแนะเชิงระบบอื่น ควรมีการร่วมมือจัดการหลักสูตรการศึกษาใหม่ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการโดยน่าจะมีการบรรจุหลักสูตรความรู้เกี่ยวกับโรคที่มีความซับซ้อนและสามารถป้องกันได้ลงไปในระบบการศึกษาแทนหลักสูตรสุขอนามัยเบื้องต้นทั่วๆไปซึ่งครอบครัวสามารถสอนเองได้ และที่สำคัญควรปลูกฝังเจตคติที่ดีต่อการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิตแก่บุคลากรสาธารณสุขโดยเฉพาะแพทย์ควรมีการสร้างความตระหนักตั้งแต่ในโรงเรียนแพทย์
สนับสนุนทุนพัฒนานักวิจัย โดย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภายใต้โครงการพัฒนาต้นแบบการสร้างเสริมสุขภาพ ในบริบทพยาบาลชุมชน ชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย
ไม่มีความเห็น