บทคัดย่องานวิจัย ปี 2549
การศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ของผู้ป่วยเบาหวานในเขตตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ฉันทิกา นามวงษา และคณะ โรงพยาบาลแม่แตง เชียงใหม่
เบาหวานเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่เป็นปัญหาสำคัญของสาธรณสุข เนื่องจากมีจำนวน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติ ผู้รับบริการผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลแม่แตง โรคเบาหวานมีมากเป็นอันดับ 2 ของทุกๆปี และจำนวนผู้ที่คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี เกินเป้าหมาย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหา ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ อธิบายถึงพฤติกรรมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน และพัฒนา ระบบบริการในคลินิกเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ( In-depth Interview ) จำนวน 19 รายได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน ที่คุมระดับน้ำ ตาลในเลือดไม่ได้ คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี และผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อน ทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ ผู้บริหารโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาลเวชปฏิบัติ พยาบาลผู้รับผิดชอบคลินิกเบาหวาน เภสัช โภชนากรและแกนนำ อสม. การสนทนากลุ่ม ( Focus group Discussion ) 2 กลุ่ม ผู้ที่เป็นเบาหวาน ทั้ง 3 กลุ่มที่สัมภาษณ์เชิงลึก อสม. ผู้นำชุมชน และเก็บข้อมูลจากการสังเกต จากการทำกลุ่มและจากการไปสัมภาษณ์ที่บ้าน จัดกลุ่มข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม Excel ในการจัดเรียงข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหาเชิงลึก ( Content Analysis ) และตรวจสอบข้อมูล โดยใช้เทคนิคแบบสามเส้า (Triangulation)
สรุปผลการศึกษา : พบว่าพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานมีทั้งที่สามารถดูแลตนเองได้ดีและยังปฏิบัติตัวได้ไม่ถูกต้องบางส่วน ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ 1 ) อาชีพจะเกี่ยวข้องกับการจัดเตรียมอาหารและเวลาในการรับประทานอาหาร 2) ภาระในครอบครัวและปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภาระในครอบครัวมากและมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจส่งผลให้กาดูแลตนเองลดลง 3) ระยะเวลาที่ได้รับการวินิจฉัยโรค รู้ว่าเป็นเบาหวานในระยะแรก จะมีปฏิกิริยาต่อการวินิจโรคต่างกันต่างๆกัน ได้แก่ กลัว วิตกกังวล เฉยๆ แต่พบว่าผู้ที่รู้ว่าเป็นเบาหวานครั้งแรกจะมีความกระตือรือร้นในการดูแลตนเองดี ส่วนผู้ที่เป็นเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานและควบคุมโรคไม่ได้ พบว่าความกระตือรือร้นในการแสวงหาทางเลือกในการรักษาและแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 4) การรับรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน การรับรู้ว่าโรคเบาหวานรักษาไม่หายขาดส่งผลต่อ การดูแลตนเอง คือ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดี ปฏิบัติตัวสวนทางกับคำแนะนำ และพยายามหาทางเลือกในการรักษา การรับรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพดี 5) ระบบครอบครัว พบว่าบุคคลในครอบครัวมีส่วนช่วยเหลือในเรื่องการควบคุมอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย และบางครอบครัวก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโรค เบาหวานที่ผู้ป่วยเป็น ให้ดูแลตนเอง 6 ) ระบบบริการสุขภาพ พบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการส่งเสริมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน คือ ขาดพยาบาลรับผิดชอบในการให้ข้อมูลและให้คำปรึกษากับผู้ป่วยโดยตรง เนื่องจากมีจำนวนผู้รับบริการมาก แพทย์มีเวลาจำกัดในการตรวจรักษาผู้ป่วย การรับรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและการดูแลตนเองผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำเพียงผิวเผิน จากแพทย์ และทีมสหสาขาวิชาชีพ และบางรายไม่ได้รับคำแนะนำ
สนับสนุนทุนพัฒนานักวิจัย โดย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภายใต้โครงการพัฒนาต้นแบบการสร้างเสริมสุขภาพ ในบริบทพยาบาลชุมชน ชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย
ไม่มีความเห็น