ภาพ นี้..ปรากฏอยู่เป็นปัจจุบัน..ผู้ เขียน..เริ่ม เรียน"..เผาดิน"....ก็อยากจะฝาก..เขียนแบบไท(ย)ๆให้ฝรั่งดู..(ตอน นั้น)..
ตอน ไป..เมือง ฝรั่ง..ก็ไม่เคยคิดว่า..จะไปเรียน...(วิชา นี้..ปั้น ดิน")...เพราะ อยู่ เมือง ไทย ก็ เพิ่ง จะ มี คน มา สอน...เป็นวิชาที่อยากเรียนฝังอยู่ในหัว..(555)..สาเหตุที่ต้องไปเมืองฝรั่ง..เพราะ อยาก พัฒนา ความ รู้ เพิ่ม เติม..แถม ได้..สัญญา ว่า จ้าง..เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ในเมืองสตุทการท์ ทางใต้ของเยอรมัน..(สมัยนั้นคนไทยยังเข้าออกได้ง่ายๆกับเยอรมันและกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียน).....
ออกไปใช้ชีวิตผจญภัยกับเพื่อนหนุ่ม..ซึ่ง แม่ เขา..รูดแหวนที่ติดมืออยู่..มาส่ง ให้..(หมั้น กลางอากาศ555)...ไม่ เบา...
ไปเรียนภาษาเยอรมันที่นั่น..แค่สองเดือน...เงินที่หามาอย่างหามรุ่งหามค่ำ..หมดลง..เหลืออยู่ สองร้อยdmสมัยนั้น...เยอรมัน ไม่ ออก วีซ่า..ทำงานให้...(เลยต้องหันกลับมาเรียน..ต่อ)..เพราะเป็นโอกาศ..
ประเทศ นี้..มี จรรยาบรรณ..ว่า..การ เรียน นั้น..ตลอด ชีวิต..รัฐ..มีการสนับสนุนให้คนมีการศึกษา..ตลอดการ..พื้นฐานนั้นไม่ต้องใช้เงิน..แถมมีเงินเลี้ยงขณะเรียน..ถ้าพ่อแม่คนเยอรมันเมื่อมีรายได้ต่ำ...(โปรด สังเกตุ...เวลาที่ผ่านไป..มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ..แต่ยังอยู่ในพื้นฐานเดิมๆๆ.."นโยบายฝรั่งประเทศนี้ที่เห็น.."
หากเรียนแล้วอยากเรียนอีก รัฐมีเงินให้ยืม...ดอกเบี้ยต่ำ..อิอิ..
(จาก..ความเป็นคน..สอง ระบบ..(มาเป็น..คนนอกระบบ..)..
"มี อารมณ์..จะมาเขียนต่อ..."
ด้วย..คาระวะ..จาก..ยายธี....
อยากอ่านค่ะ
ชีวิตคุณยายธีน่าสนใจมากค่ะ
มีศิลปะแบบปราณีต
wataru ในภาพวาด แปลว่าอะไรคับ
สวัสดีเจ้าค่ะคุณ Halfluna Inrainbow...ต้องตอบว่า..ไม่รู้..นะคะ..
wataru เป็นภาษา อะไร..คะ..อยากรู้เหมือนกัน...
สวัสดีค่ะคุณ แก้ว อุบล จ๋วงพานิช.."จะพยายามเขียน..เจ้าค่ะ"..ขอบพระคุณ..นะเจ้าคะ..
สิ่งที่อยากจะเล่าต่อ..อีกสักนิด..ถึง.."ตัวเลข..ที่มีอยู่ในกระเป๋า..ตอนนั้น"..เราเข้าไป..ในกรุงเบอรลิน..ที่ถูกแบ่งเป็น..สองเขต..คือ ฝั่งตะวันตกและออก..โดยตะวันออกอยู่ในระบบคอมมิวนิตส์..ตะวันตกเป็นประชาธิปไตย..แบบเยอรมัน..(ไม่เหมือน..ไท(ย)..)..
สาเหตุที่ต้องเข้าเบอรลินเพราะ..มีรุ่นเพื่อนของเพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นสถาปนิคที่ได้ไปเรียนต่อ..ก่อนเรา..เป็นผู้ไปรับเราสองคน..(ผู้เขียน..ต้องไปสอบ..เข้า.UDK ซึ่งสมัยนั้น..ยังเป็น HFBKอยู่..)..ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์..
วันแรก..ไม่มีค่าที่นอน..ห้องที่พอจะไปนอนฟรีได้..ไม่ว่าง..ห้องของเพื่อน..นอนไม่ได้..แบบบ้านคนไทย..เพราะ..แม่บ้านเยอรมัน..ห้ามมีคนพักเพิ่ม..ตามสัญญาเช่า..(..จึงต้องรอโอกาศ..๕๕)...ห้องที่พอจะนอนได้เพื่อนไทยคิดคืนละ..๑๕ DM.(.ไม่ไหว ที่จะจ่าย..อิอิ..เลยเดินเล่น..บนถนนคนกลางคืน..จนเช้า...)
ค่าอาหาร..ถ้าจะกิน..แค่..ใส้กรอก..สามมื้อ..ก็ต้องมีเงินประมาณ ๑๐ DM.
(ก็.. ต้องเอาน้ำลูบท้อง ไปพลางๆก่อน..ทั้งๆที่ตอนนั้น..อายุ๒๕..นน.๓๖ กก.ก็พอจะนึกกันออกว่า..ทวิกกี้..กำลังฮิต..สมัยนั้น..ผู้เขียน..จะเป็นอย่างไร...)
รอดมาได้..เพราะแม่บ้านที่เพื่อนเช่าอยู่..ไปตากอากาศ..(ผู้เขียนจึง.ได้ไปนอนหน้าเตียงของเพื่อน..เหมือนแมว อิอิ..)..
....เรื่องของตัวเลขในกระเป๋า..ที่มีน้อยกว่า..รายจ่าย..ก็ยังเป็นปัญหา..อยู่จน..ปัจจุบัน..ในแกลลอลี่ชีวิตวันนี้....
I like this bit "...การ เรียน นั้น..ตลอด ชีวิต..รัฐ..มีการสนับสนุนให้คนมีการศึกษา..ตลอดการ.. พื้นฐานนั้นไม่ต้องใช้เงิน..แถมมีเงินเลี้ยงขณะเรียน..ถ้าพ่อแม่..มีรายได้ต่ำ ...หากเรียนแล้วอยากเรียนอีก รัฐมีเงินให้ยืม...ดอกเบี้ยต่ำ..อิอิ..." It is a good description of what (Thailand) Education 4.0 should be like. If only we can have 'quality' in (Thailand) Eduction, too.
'wateru' sounds like a Japanese word or a Japanese [male] name (วะ เตะ รุ/วา เตะ รุ; walk, walker, walking).
Is it your painting? On the top bank of the stream? there are 'people? walking? in a long line'? or what?
ฝันดีนะคะ..ยายธีเพิ่งจะตื่น..5555.."ต้นไม้โดนบ้ำท่วมรึคะ..ถึงโกร๋น..อย่าง ที่ เห็น...สงสารต้นไม้ไทย..ๆ..ตายหมดแน่ๆๆๆๆๆๆๆ..
สวัสดีค่ะคุณsr..ยายธีว่า...ระบบการศึกษาสมัย..ก่อนๆก็มีดีเยอะเลย..ไม่ ต้อง เอาแบบเยอรมัน..การเรียนกับวัด..มีพระครู...(แต่เดี๋ยวนี้มีกาฝาก..ในวัดเยอะ..คนไม่รู้จัก "สิทธัตถะ"..ว่าเป็นใครมาจากไหน..ทำ อะไร...อิอิ..)..เราเรียกให้ใหม่ว่า..0.0..ก็น่าจะได้..เรียกให้ทันสมัย..พระครูให้หวย..ทำเสน่ห์เล่นเล่ห์กล..ล้ำยุคเดินขบวน..ปลุกปั้นชาวบ้าน..สำหรับวัดยุคนี้..เออเนอะ...
พูดไปสองไพเบี้ย..นิ่งเสีย..ไปปลูกต้นไม้แทนขุดทองกันดีกว่า...555555...
คนสองระบบ..ในแกลลอลี่ชีวิตวันนี้....