ต่อจาก เรื่องเล่าของการประชุมประจำปี ชมรมผู้ป่วยเบาหวานธาตุพนม (1) นะครับ
หลังจากผู้อำนวยการกล่าวเปิดงาน ผมและพี่ตุ๊กตา(คุณอุทัยวรรณ ผดุงสิทธิธรรม) ก็ได้เริ่มการทำเสวนากลุ่ม โดยเชิญตัวแทนผู้ป่วยทังหมด 5 ท่านที่เตรียมไว้ จากชมรมต่างๆ คือ1.คุณยายสา จากต.ธาตุพนม 2.คุณวิไลวรรณ จาก ต.พระกลางทุ่ง 3.คุณบุญส่ง จาก สอ.ฝั่งแดง 4.วิรักษณ์ จก ต.ดอนนางหงส์ 5.คุณยาายบบรทม จาก ต.นาถ่อน โดยที่ระหว่างแนะนำตัวแต่ละท่านสั้นๆและกำหนดรูปแบบการเล่าเรื่องของแต่ละคน ในที่ประชุมก็มีการยกมือ ขอเพิ่มผู้เล่าเรื่องอีก 1 ท่านเนื่องจากคุณยายอยากเล่าแม้จะไม่ได้นัดมาก่อน คือคุณยายแสน พิลาสุข ที่มาแนะนำตัวทีหลังว่าอายุ 73 ปี เป็นเบาหวานมา 15 ปี มากที่สุดในห้องประชุม แต่กินยาเบาหวานอย่างเดียว ไม่มีโรคแทรกซ้อน ตอนนี้ถึงกับมีการปรบมือฮือฮากันใหญ่ครับ เพราะพอแกแนะนำตัวเสร็จก็จะเล่าเลยครับ แบบว่ามาแรง แซงคึวเลยครับ
(ผู้เข้าร่วมเสวนา 5 คนแรกครับ)
คุณยายแสน พิลาสุข เล่าว่าถึงแกจะเป็นเบาหวานมานาน แต่ก็คลุมนำตาลได้ เพราะมีอารมณ์แจ่มใส ชอบหัวเราะ ไม่เครียด ไม่นำเรื่องทุกร้อนมาคิดให้ไม่สบายใจ ตอนเช้าๆตื่นมา ก่อนอาบนำกินเข้าก็จะกายบริหาร และวิ่งหยองๆ (แกแสดงให้ดูด้วย เป็นการเดินเร็วครับ น่ารักมาก เหมือนนางงามวิ่งเลยกลับ คือไม่กล้าวิ่งเร็ว กลัวไม่สวย)
(คุณยายแสน ผู้เสวนาท่านที่ 6 แต่ขอเล่าก่อน)
คุณยายสา อายุ 69 ปี เป็นทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ มีลูกอยู่กรุงเทพ จึงไปรักษาโรคหัวใจที่กรุงเทพ แต่รักษาเบาหวานประจำที่โรงพยาบาลธาตุพนม ยายสาเน้นให้เห็นความสำคัญของการมาตามนัด และพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การใช้อินสุลินฉีดก็ไม่น่ากลัว เพราะคุณยายสามารถทำได้ด้วยตนเอง
คุณวิไลวรรณ โฉมเฉลา อายุ 45 ปี เป็นเบาหวาน 3 ปี เล่าถึงความเครียดที่ทราบว่าตนเองเป็นเบาหวาน ถึงขนาดน้ำหนักลดลงไป เกือบ 10 กิโล ในเวลาไม่นาน จนกระทั้งไปหาเจ้าหน้าที่ ที่ สอ.บ่อยๆ ได้เรียนรู้ถึงโรค การปฏิบัติตัว ใครๆก็เป็นได้ จนตอนนี้ไม่กลัวโรคเบาหวานอีกแล้ว และยังเป็นแกนนำของชมรมในการทำกิจกรรม และร่วมพูดคุยให้กำลังใจแก่สมาชิกทุกครั้งว่า โรคเบาหวานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เข้าใจ
คุณบุญส่ง พลมาตย์ อายุ 42 ปี เป็นเบาหวานมา 3 ปี เล่าถึงว่าโรคเบาหวานไม่ได้ส่งผลการดำเนินชีวิตประจำวันผิดปกติ หรือแตกต่างไป ตั้งแต่ตื่นมา ทำอาหาร ทำงาน ว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่ต้องมารับยา ตรวจตามนัด และเลือกกินอาหารมาขึ้น โดยไม่กินอาหารหวาน กินไม่มากเกินไป เน้นผักใบเขียว และผลไม้พื้นบ้านที่หากินง่ายๆ เช่น ฝรั่ง มันแกว มะม่วง
(คุณยายแสน โชว์ท่าบริหารร่างกายตอนเช้าประกอบ)
คุณยายบรรทม บุตรหาญ อายุ ุ57 ปี เป็นเบาหวานมา 6 ปี เน้นการออกกำลังกาย โดยเล่าถึงการตื่นมารำไทเก็ก ตั้งแต่ตี 5 กับเพื่อนๆร่วมชมรม และตอนเย็นก็ไปแอโรบิกต่อ ที่สถานีอนามัย ทุกวัน (คุณยายสาธิตการรำไท้เก็ก เพราะกว่าครึ่งห้องยกมือ ว่าไม่รู้จักว่าไท้เก็กคืออะไร พร้อมกับบอกว่าจริงๆสนุกกว่านี้เยอะเพราะมีเพลงจีนประกอบด้วย ถ้าสนใจให้ติดต่อชมรมที่นาถ่อนได้ แถมอัดซีดีแจกด้วย)
คุณวิไลรักษณ์ พิลาสุข อายุ 48 ปี เล่าถึงการปฏิบัติตัวประจำวัน ที่เน้นไปในการควบคุมอาหาร โดยไม่กินข้าวมากเกินไป เน้นไปที่ผัก และอาหารพ้นบ้าน ส่วนพวกขนม ของหวาน ถ้าอยากกินจริงๆก็ให้กินแบบ ชิมๆ และกินเข้าน้อยลง และสุดท้ายเล่าถึงประสบการณ์อาการนำตาลในเลือด่ำ ที่ต้องทำอย่างไรบ้าง
(ติดตามตอนต่อไปนะครับ)
ภก.เอนก ทนงหาญ ผู้เล่าเรื่อง
-น้อง-
คุณยายบรรทมเก่งมากเลยค่ะ
เบาหวานโรคเรื้อรัง ยับยั้งก่อนเกิดโรคแทรกซ้อน
สินค้าจากเอเชี่ยนไลฟ์ออนไลน์
ที่ออกอากาศทางทรูวิชั่น ช่องTNN2
ตอน งานวันบอกลาเบาหวาน
http://www.bim100.com/tab50.html