วันนี้ตั้งแต่เช้า..ได้มีโอกาสพูดถึงความเพียร...กับคุณไมโตตั้งแต่เช้า
และพูดถึงความขี้เกียจกับ อ.แหม่ม ...กับความสุขในแต่ละวัน
...
ประมาณหกโมงเช้า...น้องแหม่ม..หรือ อ.แหม่ม เดินมาโผล่หน้าที่บ้านพักแต่เช้า..
ดิฉันกำลังทำน้ำผลไม้ปั่น..ตั้งใจว่าจะไปเคาะหน้าบ้าน อ.แหม่ม..เพื่อแบ่งปันให้ดื่ม สดชืน สดชื่นแต่เช้า
แหม่ม...บอกว่า "ดูพี่ปุ๋มมีความสุข..จัง"...ดิฉันจึงตอบไปว่า..."คะ..มีความสุข...และสบายใจด้วย"
"เดี๋ยวแหม่ม...อยู่ดื่มน้ำผลไม้ปั่นของพี่ก่อนนะ.." แล้วพี่จะทำเครื่องดื่ม Detox ให้ด้วย...เพราะตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ดื่ม
...
และก็ตั้งใจว่า...ทำเครื่องดื่มนี้เสร็จ..ทำผัดผักรวมใส่ปลาทูน่า แบ่งปันไปให้พี่ทานด้วย
เมื่อพิจารณา...ตามความตั้งใจ..ก็ได้ทำในกิจทุกกิจที่ตั้งใจ
เพราะอะไร...จึงทำได้..ก็เพราะเราตั้งใจ...มีบ้างแว๊บหนึ่งเข้ามา ว่าขี้เกียจขับรถไปบ้านพี่ทาน..
แต่อีกภาพความคิดหนึ่งก็แว๊บเข้ามา...ว่า" เราตั้งใจ...ก็จงทำตามความตั้งใจเถอะ"...แล้วความคิดขี้เกียจนั้นก็อ่อนแรงลง
...
พอสายๆ..หน่อยได้มีโอกาสทักทายกับคุณไมโต...ก็พูดถึงเรื่องความเพียร ความขยัน
และเมื่อบ่าย...ก็ได้พูดเรื่อง..นี้อีกครั้งกับพี่ทาน
ก็เลย get บางอย่าง..เรื่อง ความขี้เกียจ...
ซึ่งเรื่องนี้คนเรานั้นมีแทบทุกคน...น้อยคนแทบจะไม่มี...
ซึ่งจะมีมากหรือมีน้อย...นั้นขึ้นอยู่กับพลังแห่งความขยันและความเพียร
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้าง "พลังแห่งความขยัน" ขึ้นมา...ความขี้เกียจก็จะอ่อนล้าลง...อ่อนแรงลงเรื่อยๆ..
แต่ถ้าเมื่อใด...ที่เรายังไปเพิ่ม ไปเติม...พลังให้ความขี้เกียจ..มันก็จะยิ่งกล้าแกร่งขึ้นเรื่อย..เรื่อย..
จนบางครั้งเราไม่อาจที่จะควบคุมเขาได้... และเขา (คือตัวความขี้เกียจจะเข้ามาควบคุมเราแทน)
........................................
จะเห็นได้ว่า... ในหนังสือ..ที่พูดถึงคำสอนทางพุทธศาสนาต่างๆ...
ทำไมถึงพูดถึงเรื่องความเพียร...ทำไม..ท่านถึงสอนว่า.."ถึงแม้ขี้เกียจก็ต้องลุกขึ้นมาทำกิจ"...
นั่นเพราะ..เราต้องการให้พลังของความขี้เกียจนั้น...ไม่เพิ่มขึ้น ไม่มากขึ้น
หากแต่..ทำให้พลังแห่งความขยัน..เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น...เพิ่มขึ้นจนในที่สุด...มากขึ้นกว่าพลังแห่งความขี้เกียจ
ความขี้เกียจก็ไม่สามารถที่จะมาควบคุมเราได้...หากแต่พลังแห่งความขยันจะเข้ามาแทนที่
ทุกอย่างอยู่ที่ความเพียร...แรกๆ อาจจะยาก ต่อการทำ...และฝึกฝนตัวเอง
แต่เมื่อเราฝึก..ปฏิบัติไปเรื่อยๆ...มันก็จะง่ายเข้า..และง่ายเข้า...
และหากเราเข้าใจ...เข้าใจเหตุแห่งความเป็นไป...
ความขี้เกียจ..ก็จะไม่เข้ามามีอิทธิพลเหนือจิตใจเราอีกต่อไป....
...ถึงมีความเพียร...ก็อาจแพ้สังขาร..ค่ะ
น้องกะปุ๋ม..
กะปุ๋มค่ะ
ใช้ความพยายามอยู่ในช่วงนี้
พยายามตั้งเป้าหมาย
อยากขอบคุณทุกครั้งที่เอ่ยถึง
ต่อสู้กันพอสมควร ค่ะ..มันเป็นศรัตรูกัน...ถาวร...ใคร ใครก้อยากขย้นแต่เหมือนกะปุ๋มว่า....ถ้าคววามเพียรแข็งแรง อยู่ตัวความขี้เกียจก้ไม่กล้ามาเยี่ยมกราย...
คุณกะปุ๋ม ครับ
ผมว่ามีคำหนึ่งหายไปในเรื่องนี้ คือคำว่า "ชอบ" ที่ควรจะอยู่ท้ายคำว่า "เพียร" เลยอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ครับ เช่น โจรปล้นธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ใช้ความเพียรมาก (แต่ไม่ "ชอบ" ) ในการงัดเซฟจากด้านใต้ฐานเพื่อหนีสัญญาณกันโขมย เขาคงจะใช้ทั้งความรู้และความเพียรมากมาย และไม่แค่ปล่อยให้มันสู้กันเองที่ทำให้เราแพ้อยู่คนเดียวดังที่คุณ ไมโตฯ ล้อคุณเล่น
สุดท้าย ความเพียรทำให้เขาและอีกหลายคนเป็นทุกข์ครับ ไม่สุขอย่างคุณกะปุ๋มหรอก
และคำว่า ชอบ/ไม่ชอบ นี้ subjective มากในสังคมโลก ที่สร้างความขัดแย้งและสับสนมาก ในแทบทุกระบบสังคม แม้แต่ในศาสนาก็ยังมีมากอยู่เลย ไม่ควรมีแต่ก็เป็นธรรมดาของสังคมโลก ที่เราต้องค่อยสะกิดกันไป ใครทำใครได้อยู่แล้วครับ
อยากให้คุณกะปุ๋มชี้ทางให้คนที่อยากแก้ไข (เว้นคนที่ชอบแก้ตัวไว้ก่อน) ว่าเราจะกำจัดความเพียรไม่ชอบ ให้ลดน้อยลงอย่างไร โลกคงจะสวยกว่านี้มากเลยนะครับ
ลืมไปนิดหนึ่ง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ คนโง่แต่ขยัน มีมากและกำลังทำลายโลกและสังคมในขณะนี้
เขาทั้งเพียรทั้งขยันเลยครับ เราควรจะทำอย่างไรกันดี ถ้าเจอแบบนี้
ผมเจอมากแต่ยังไม่มีวิธีแก้ไขครับ
น้องกะปุ๋ม"คนขยัน"
(....หรือแอบมาทานแล้วไม่อร่อย...พี่จะได้ปรุงน้ำซุบใหม่)
อ.กฤษณาคะ
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านนะคะ..
ที่แวะมาเยี่ยมเยือนและทักทาย...
...........................
วันนี้กะปุ๋ม..ไปเยี่ยมทีม To be number one & Friend Corner โรงเรียนนครขอนแก่นคะ...ซึ่งเราจะไปร่วมงานที่งานมหกรรม KM 1-2 ธันวามคมที่จะถึงนี้คะ...
แล้วกำลังจะไปวิ่งที่บึงแก่นนครคะ...เดี๋ยวดึกๆ..จะเข้ามาใหม่นะคะ...
(^______________^)
กะปุ๋ม
ตอบตุณกฤษณา สำเร็จ
การยุให้คนอื่นทะเลาะกัน แล้วให้ได้งานมากกว่าเดิม เป็นวิธีการที่อาจจะฉลาดไปอีกแบบหนึ่ง ผมพบบ่อย แม้ในสามก๊กก็มีพูดถึง อาจดูไม่ค่อยเรียบร้อยและสงบสุขนัก แต่ก็อาจจะเป็นความเพียรที่อาจได้ผลถ้ามีการควบคุมสถานการณ์ให้ได้ โดยกลอุบายไม่แตกเสียก่อน
ที่ผมเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ คนที่ไม่รู้ (แล้วมักคิดว่าตัวเองรู้ แบบกบในกะลา) แล้วเป็นคนขยันขึ้นมา และทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายนะครับ และก็เป็นเพียรชอบในความรู้สึกเขาซะด้วยครับ
ตรงนี้อยากฟังคุณกะปุ๋มเสนอทางออกครับ
ลองไปอ่านใน วังวนความไม่รู้ ของผมก็จะได้รับรายละเอียดมากกว่านี้
เรียน...ท่าน ดร.แสวง
กะปุ๋ม...ต้องกราบขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่งที่มาช่วยเติมให้ในเรื่อง "ความเพียรชอบ"...เพราะตอนที่เขียนไปนั้น..กะปุ๋มคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่พึงชอบทำอยู่แล้ว...เลยลืมนึกไปถึง "ความเพียรไม่ชอบ"...
...
ซึ่งเป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ดังที่อาจารย์ว่านั่นแหละคะ...คนไม่รู้ แต่ทำเป็นอวดรู้...หรือเพียรในสิ่งที่ไม่ชอบ เป็นอันตราย...ต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยิ่ง...และเขาเหล่านั้นก็หลงไปในวังวน...แห่งความไม่รู้อันมืดบอดของตน..ใครเตือน..ใครเสนอ...ก็หาที่จะสดับรับฟังไม่...แต่ดันไปโกรธให้คนที่มาเตือนมาบอก...
...
และเป็นที่น่าสังเกตว่าคนเหล่านี้...มักคิดว่าตนนั้นถูกต้องเสมอ... และยากที่จะโน้มตัวลง...อย่างอ่อนน้อม..พร้อมฟังคนอื่น...คิดและทำอย่างหลง...หลงไปในทางที่คิดว่าตนถูก...เราจึงมักมองเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอยู่รอบด้านเสมอ...
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
คุณกัลปังหาคะ...
ขอบคุณมากนะคะสำหรับ
“ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์”
พระราชปรารภ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก
....
ซึ่งท่าน ดร.แสวงท่านได้มาอธิบายต่อได้อย่างสอดคล้องและสมบูรณ์ ซึ่งไปในแนวทางพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว...ท่านตรัสไว้...
....ความเพียรที่บริสุทธิ์...ก็คือ ความเพียรชอบ ที่เราพึงทำ ที่ก่อประโยชน์ทั้งต่อตนเอง..และผู้อื่น ไม่เบียดเบียนและทำให้ทั้งตนและผู้อื่นเดือดร้อน..
และหากเมื่อตนเดือดร้อน..นั่น..อาจต้องมาพิจารณาแล้วว่า...ความขยันเพียรนั้น เป็นเรื่องที่เราพึงเพียรชอบแล้วหรือยัง...
ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความพอดี พอดี...
(^_____^)
ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาเติมเต็มให้คะ
กะปุ๋ม
พี่ติ๋ว..คะ
กะปุ๋มไม่ได้หายไปไหนหรอกคะ...ยังอยู่..คะ
และแวะ..ดมกลิ่น JOKE จากพี่ติ๋ว...อยู่เป็นประจำคะ
...
คิดถึงนะคะ...หากสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ได้ตักตวงไปได้อย่างเต็มที่เลยนะคะ...
*^_______^*
กะปุ๋ม
พี่อึ่งอ๊อบคะ...
จะทำอะไร..ก็ตาม สิ่งสำคัญอยู่บนฐานแห่งความพอดี..และไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน...
มากไปก็ไม่ดี
น้อยไปก็ไม่ดี..
ดังนั้น...
จึงควรแบบพอดี พอดี...นะคะ
(^_________^)
เป็นกำลังใจให้นะคะ
แล้วอย่าลืมมาเล่าแลกเปลี่ยนกันนะคะ
กะปุ๋ม
พี่จิ๊บคะ...พี่ใบบุญ..และพี่รัตติยา คะ
(คุยพร้อมกันเลยนะคะ...อิอิ)
สิ่งไหนที่เราทำเป็นประจำๆ...ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความเคยชิน...เมื่อเคยชิน เราก็จำทำอย่างคุ้นเคยคะ...
พอคุ้นเคยแล้ว...ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราคะ...เหมือนกับว่า.."เราต้องหายใจประมาณนั้นแหละคะ..."...
ขอบคุณนะคะที่แวะมานั่งคุยกัน ณ บ้านน้อยหลังนี้...อิอิ
(^_________^)
กะปุ๋ม
โอ้โห!!!..ลืมชวนชายหนุ่มมานั่งคุยด้วยกับสาวๆ...ไม่เป็นไรนะคะ คุณไมโต...แต่กะปุ๋มอ่านความเห็นของคุณไมโตแล้วเป็นปลื้มคะ...
ช่างเติมเต็มและต่อยอดทางปัญญา...ต่อจากท่าน ดร.แสวง ได้อย่างดียิ่ง...กะปุ๋มว่าประโยชน์นี้ก่อเกิดแด่ท่านผู้อ่าน..เป็นแน่แท้...
.....
ขอบคุณนะคะ
(^_____________^)
กะปุ๋ม
เรียน ท่านอ.ดร.แสวงค่ะ
เรียน...คุณMitochondria ค่ะ
เข้ามา..ก่อนเดินทางไป กท. ร่วมงานมหกรรม KM แห่งชาติ...ในวันที่ 1-2 ธ.ค. นี้..
ขอบคุณท่าน ดร.แสวง...คุณไมโต...และพี่ติ๋ว และกัลยาณมิตรทุกท่านมากนะคะ..ที่มาช่วยเติมเต็มมากๆ...ในเรื่องนี้...
....
(^__________^)
กะปุ๋ม
ค้น google ไปมาก็พบบันทึกนี้ครับ
เป็นการเริ่มต้นค้นหาแนวคิดวิธีแก้ความขี้เกียจ ไม่สู้งานครับ
สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ สมัยก่อนก็ว่าเราขยัน แต่เมื่อมาถึงระดับหนึ่งกลายเป็นขี้เกียจ
น่าจะเป็นเพราะการจะเดินไปต่อในสภาวะนี้นั้น คงต้องการ
ความเพียร และขันติที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แบบโลกๆอีกต่อไป
แต่ต้องเพียรและอดทนมากๆๆ
ขอบคุณครับ
^_^
ก่อนนิทรารมย์
พี่กะปุ๋มจ้ะ ... ฮีโร่ปูเคยกล่าวว่า
เก่งไม่กลัว กลัวขยัน ... ยังจำแม่น
ฝันดี ขอบคุณค่ะพี่