การแยกแยะนำไปสู่การปล่อยวาง


23. การแยกแยะนำไปสู่การปล่อยวาง

มหาราช  เธอเปียกไปหมดเพราะฝนตกหนัก

ในโลกของฉัน อากาศจะดีเสมอ

มันไม่มีกลางวันหรือกลางคืน ไม่ร้อนไม่เย็น

ไม่มีความกังวลที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ ไม่มีความเสียใจเช่นกัน

ใจของฉันเป็นอิสระจากความคิด เพราะมันไม่มีความต้องการใดๆที่ต้องไขว่คว้า

 

ถาม  มันมีสองโลกหรือ?

ตอบ  โลกของเธอเป็นของชั่วคราว เปลี่ยนแปลงเกิดดับตลอดเวลา

โลกของฉันสมบูรณ์แบบ ไร้การเปลี่ยนแปลงเกิดดับ

เธอสามารถบอกฉันได้ว่าเธอชอบอะไรในโลกของเธอ – ฉันจะตั้งใจฟัง ด้วยความสนใจ แต่ไม่มีขณะใดเลยที่ฉันจะลืมว่าโลกของเธอไม่มีจริง และเธอกำลังอยู่ในความฝัน

 

ถาม  อะไรที่แยกแยะระหว่างโลกของท่านและโลกของผม?

ตอบ  โลกของฉันไม่มีคุณลักษณะใดที่จะบ่งบอกได้

เธอจะไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นอย่างไร

ฉันคือโลกของฉัน

โลกของฉันคือตัวฉันเอง

มันอิ่มเต็มและสมบูรณ์แบบ

ทุกความประทับใจถูกลบไปหมด ทุกประสบการณ์ถูกปฏิเสธ

ฉันไม่ต้องการอะไรเลย แม้แต่ตัวฉันเอง เพราะฉันไม่มีวันจะสูญเสียตัวฉันไป

 

ถาม  แม้แต่พระเจ้าหรือ?

ตอบ  ความคิดและความแตกต่างเหล่านี้มีอยู่ในโลกของเธอ ในโลกของฉันไม่มีอะไรแบบนั้น

โลกของฉันเป็นหนึ่งเดียวและเรียบง่ายอย่างยิ่ง

 

ถาม  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นหรือ?

ตอบ  อะไรที่เกิดขึ้นในโลกของเธอ มันมีความเป็นจริง และกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้

แต่ในโลกของฉัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ถาม  การที่ท่านรู้ได้ถึงโลกของท่าน แสดงว่ามันยังมีธรรมคู่ในทุกประสบการณ์

ตอบ  โดยทางคำพูด – ใช่

แต่คำพูดของเธอไม่สามารถแตะต้องฉัน

โลกของฉันเป็นโลกที่ไร้ถ้อยคำ

ในโลกของเธอ สิ่งไร้คำพูดนี้ไม่มีอยู่

ในโลกของฉัน – ถ้อยคำและความหมายของมันไม่มีอยู่

ในโลกของเธอ ไม่มีอะไรคงอยู่ ในโลกของฉัน – ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดดับ

โลกของฉันเป็นจริง ในขณะที่โลกของเธอสร้างขึ้นจากความฝัน

 

ถาม  แต่เราก็คุยกันได้

ตอบ  การพูดคุยนี้อยู่ในโลกของเธอ

ในโลกของฉัน –มีแต่ความเงียบอันเป็นนิรันดร์

ความเงียบของฉันร้องเพลง ความว่างเปล่าของฉันเต็มบริบูรณ์ ฉันไม่ขาดสิ่งใด

เธอไม่สามารถรู้จักโลกของฉันนอกเสียจากว่าเธอจะอยู่ที่นั่น

 

ถาม  มันดูเหมือนว่าในโลกของท่านมีท่านเพียงผู้เดียว

ตอบ  เธอจะพูดว่าคนเดียวหรือไม่คนเดียวได้อย่างไร เมื่อคำพูดใช้กับมันไม่ได้?

แน่นอนว่าฉันอยู่คนเดียว เพราะฉันคือทุกสิ่ง

 

ถาม  ท่านได้เข้ามาในโลกของพวกเราบ้างไหม?

ตอบ  การมาและการไปจะมีความหมายอะไรสำหรับฉัน?

เหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่คำพูด

ฉันเป็น

แล้วฉันจะมีการมาจากไหนและจะไปที่ไหนได้อย่างไร?

 

ถาม  แล้วโลกของท่านจะมีประโยชน์อะไรสำหรับผม?

ตอบ  เธอควรพิจารณาโลกของเธออย่างถี่ถ้วนมากขึ้น ตรวจสอบมันโดยละเอียด แล้ววันหนึ่ง โดยที่ไม่คาดหวัง เธอจะพบว่าตัวเธอเองอยู่ในโลกของฉัน

 

ถาม  แล้วเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมจะได้อะไร?

ตอบ  เธอจะไม่ได้อะไรเลย เธอจะทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอไว้เบื้องหลัง และพบสิ่งที่เธอไม่เคยสูญเสียไปที่ไหน – ความเป็นเธอที่แท้จริง

 

ถาม  ใครคือผู้ปกครองในโลกของท่าน?

ตอบ  ในโลกของฉัน ไม่มีทั้งผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง

มันปราศจากธรรมที่เป็นของคู่โดยสิ้นเชิง

เธอแค่คาดการณ์จากมุมมองความคิดของเธอ

คัมภีร์และพระเจ้าของเธอไม่มีความหมายในโลกของฉัน

 

ถาม  แต่ท่านก็ยังมีชื่อและรูปร่าง แสดงความรู้ตัวและการกระทำอื่นๆ

ตอบ  ในโลกของเธอ ฉันดูเหมือนเป็นอย่างนั้น

ในโลกของฉัน ฉันมีแค่การมีอยู่เป็นอยู่เท่านั้น

ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก

พวกเธอมักเต็มไปด้วยความคิดในการเป็นเจ้าของ ในเรื่องปริมาณและคุณภาพ

ฉันปราศจากความคิดเห็นอย่างสิ้นเชิง

 

ถาม  ในโลกของผม มีการรบกวน ความทุกข์ และความสิ้นหวัง

ดูเหมือนท่านมีชีวิตอยู่โดยมีรายได้จากทางใดทางหนึ่ง ในขณะที่ผมต้องทำงานเยี่ยงทาสเพื่อจะมีชีวิต

ตอบ  เธอทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ

เธอเป็นอิสระที่จะทิ้งโลกของเธอเพื่อโลกของฉัน

 

ถาม  การก้าวข้ามนี้ทำได้อย่างไร?

ตอบ  เห็นโลกของเธออย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดว่าเป็น

การแยกแยะจะนำไปสู่การปล่อยความยึดติด การปล่อยความยึดติดทำให้เกิดการกระทำที่ถูกต้อง การกระทำที่ถูกต้องจะสร้างสะพานภายในไปสู่ความเป็นเธอที่แท้จริง

การกระทำคือหลักฐานของความมุ่งมั่น

ทำอย่างที่ฉันบอกด้วยความขยันและซื่อสัตย์ แล้วอุปสรรคทั้งหลายจะละลายหายไป

 

ถาม  ท่านมีความสุขไหม?

ตอบ  ในโลกของเธอ ฉันคงจะน่าอนาถอย่างยิ่ง

ตื่นขึ้น กิน พูด แล้วก็หลับ – น่าเบื่ออย่างที่สุด!

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้น ท่นก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?

ตอบ  อยู่ ตาย – ช่างเป็นคำที่ไร้ความหมายเหลือเกิน

เมื่อเธอเห็นว่าฉันยังมีชีวิต ฉันตายไปแล้ว

เมื่อเธอคิดว่าฉันตาย ฉันมีชีวิต

เธอเห็นอะไรๆผิดเพี้ยนไปหมด

 

ถาม  ท่านวางเฉยได้มากแค่ไหน?

ความทุกข์โศกทั้งหลายในโลกของเราเป็นสิ่งไร้ความหมายสำหรับท่าน

ตอบ  ฉันรับรู้ได้อยู่ถึงปัญหาของเธอ

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้น ท่านจะทำอย่างไรกับมัน?

ตอบ  มันไม่มีอะไรที่ฉันต้องทำ

มันมาแล้วก็ไป

 

ถาม  มันไปเพราะท่านให้ความสนใจมันหรือเปล่า?

ตอบ  ใช่ ความยากลำบากอาจเกิดขึ้นทางกาย ทางอารมณ์ หรือทางใจ แต่มันแนเรื่องส่วนบุคคลเสมอ

ภัยพิบัติเป็นผลรวมของโชคชะตาส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล และต้องใช้เวลาที่จะสงบลง

แต่ความตายไม่ใช่ภัยพิบัติ

 

ถาม  แม้ว่าคนนั้นจะถูกฆ่าเช่นนั้นหรือ?

ตอบ  ภัยพิบัติเป็นของผู้ฆ่า

 

ถาม  อย่างไรก็ดี มันดูเหมือนว่าจะมีอยู่สองโลก โลกของผมและโลกของท่าน

ตอบ  โลกของฉันจริง โลกของเธอเป็นของใจ

 

ถาม  สมมติว่ามีหินและมีรูในหิน และกบอยู่ในรู

กบอาจใช้ชีวิตของมันอย่างมีความสุข ไม่มีใครกวนใจ ไม่มีใครรบกวน

ภายนอกหินก้อนนั้น โลกดำเนินไป

ถ้ากบในรูได้รับรู้เกี่ยวกับโลกภายนอก มันจะพูดว่า “มันไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก โลกของฉันมีแต่ความสงบและความสุข โลกของท่านเป็นแค่คำพูดเท่านั้น มันไม่มีอยู่จริง”

เช่นเดียวกันกับท่าน

เมื่อท่านบอกเราว่าโลกของเราไม่มีอยู่จริง ไม่มีพื้นฐานร่วมกันที่เราจะสนทนากันได้

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง

ผมไปหาหมอและบ่นว่าปวดท้อง

หมอตรวจผมแล้วบอกว่า “คุณสบายดี”

“แต่มันปวด” ผมพูด

“ความปวดของคุณเป็นแค่การคิดไปเอง” หมอยืนยัน

ผมตอบว่า “มันไม่ได้ช่วยผมเลยที่รู้ว่าความปวดของผมเป็นแค่การคิดไปเอง คุณเป็นหมอ คุณต้องรักษาให้ผมหายปวด ถ้าคุณรักษาผมไม่ได้ คุณก็ไม่ใช่หมอของผม”

ตอบ  ก็จริงนะ

 

ถาม  ท่านได้สร้างทางรถไฟ แต่เมื่อไม่มีสะพาน ก็ไม่มีรถไฟใดสามารถวิ่งข้ามไปได้

สร้างสะพานเถอะครับ

ตอบ  มันไม่จำเป็นต้องมีสะพาน

 

ถาม  มันต้องมีอะไรเชื่อมโยงระหว่างโลกของท่านกับโลกของผมสิครับ

ตอบ  มันไม่จำเป็นต้องมีอะไรเชื่อมโยงระหว่างโลกที่แท้จริงกับโลกในจินตนาการ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะมีได้

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้นเราต้องทำอย่างไร?

ตอบ  สำรวจโลกของเธอ เอาใจของเธอเข้าไปดูมัน ตรวจสอบมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน พินิจพิเคราะห์ทุกความคิดที่เกี่ยวข้องกับมัน แค่นั้นก็พอแล้ว

 

ถาม  โลกกว้างใหญ่เกินกว่าจะทำการสำรวจ

ทั้งหมดที่ผมรู้ก็คือ ผมมีอยู่ โลกมีอยู่ โลกทำให้ผมมีปัญหา และผมทำให้โลกมีปัญหา

ตอบ  จากประสบการณ์ของฉัน ทุกสิ่งคือความสุข

แต่ความต้องการความสุขทำให้เกิดความทุกข์

ดังนั้น ความสุขกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของความทุกข์

จักรวาลทั้งหมดของความทุกข์เกิดขึ้นจากความต้องการ

จงปล่อยวางความต้องการที่จะมีความสุข แล้วเธอจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าความทุกข์คืออะไร

 

ถาม  ทำไมความสุขจึงเป็นเมล็ดพันธุ์ของความทุกข์?

ตอบ  เพราะในการแสวงหาความสุข เธอต้องทำความผิดบาปหลายอย่าง

และผลพวงของความผิดบาปคือความทุกข์และความตาย

 

ถาม  ท่านบอกว่าโลกไม่มีประโยชน์ต่อเรา – มันเป็นแค่ความทุกข์ทรมาน

ผมรู้สึกว่ามนไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้

พระเจ้าไม่ใช่คนโง่

สำหรับผม โลกเป็นองค์กรขนาดใหญ่สำหรับนำศักยภาพไปสู่ความจริง นำสสารไปสู่ชีวิต นำความไม่รู้ตัวไปสู่ความตระหนักรู้

เพื่อเข้าถึงธรรมชาติสูงสุด เราจำเป็นต้องมีประสบการณ์ต่อธรรมที่เป็นของคู่

เช่นเดียวกับการสร้างวัด เราจำเป็นต้องมีหินและปูน ไม้และเหล็ก กระจกและกระเบื้อง ดังนั้นในการเปลี่ยนบุคคลให้เป็นปราชญ์ทางธรรม เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีวิตและความตาย เราจำเป็นต้องมีวัสดุของทุกประสบการณ์

เหมือนผู้หญิงไปตลาด ซื้อเสบียงกรังทุกประเภท กลับมาบ้าน ทำอาหาร อบขนม และจัดอาหารให้แก่พระเจ้าของเธอ พวกเราก็อบตัวเราเองอย่างดีในเปลวไฟแห่งชีวิตและนำเสนอตนเองแก่พระเจ้าของเรา

ตอบ  ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ก็ทำอย่างที่เธอคิด

ถวายอาหารแก่พระเจ้าของเธอ ทำไปเลย

 

ถาม  เด็กน้อยไปโรงเรียนและเรียนหลายอย่าง ซึ่งไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อะไรเลยในภายหลัง

แต่ในช่วงเวลาการเรียนรู้นี้ เขาเติบโต

ดังนั้น เราผ่านประสบการณ์มากมายและลืมมันทั้งหมด แต่ในระหว่างนั้น เราเติบโตตลอดเวลา

แล้ว jnani เป็นอะไรหรือถ้ามิใช่บุคคลทีมีอัจฉริยภาพสำหรับความจริงแท้

โลกของผมไม่ควรจะเป็นเรื่องบังเอิญ

มันมีเหตุผล มันต้องมีแผนอยู่เบื้องหลัง พระเจ้าของผมมีแผน

ตอบ  ถ้าโลกเป็นสิ่งไม่จริง ดังนั้น แผนและผู้สร้างแผนก็ต้องไม่จริงด้วย

 

ถาม  ท่านปฏิเสธโลกอีกแล้ว

มันไม่มีสะพานระหว่างเรา

ตอบ  มันไม่จำเป็นต้องมีสะพาน

ความผิดพลาดของเธออยู่ในความเชื่อของเธอว่ามีเธอเกิดขึ้นมา

เธอไม่เคยได้เกิดขึ้น และเธอก็ไม่ได้ตายไป แต่เธอเชื่อว่าเธอเกิดในวันนี้ ที่นี้ และร่างกายนี้เป็นของเธอ

 

ถาม  โลกคือ “ฉันเป็น” นี่คือความจริง

ตอบ  ทำไมเธอกังวลเกี่ยวกับโลกมากกว่าที่จะดูแลตัวเอง?

เธอต้องการช่วยให้โลกรอดพ้น ใช่ไหม?

เธอจะช่วยให้โลกรอดพ้น ก่อนช่วยให้ตัวเองรอดพ้นได้หรือ?

และการถูกช่วยให้รอดพ้นหมายความว่าอย่างไร?

ช่วยให้รอดพ้นจากอะไร?

จากมายา

การช่วยให้รอดพ้นคือการเห็นสิ่งต่างๆอย่างที่มันเป็น

ฉันไม่แม้แต่น้อยที่จะเห็นตัวเองสัมพันธ์กับใครและอะไรทั้งนั้น

ไม่แม้แต่กับตัวตน ไม่ว่าตัวตนนั้นจะคืออะไร

ฉันมีอยู่ชั่วนิรันดร์ – ไม่สามารถบ่งบอกได้

ฉันมีอยู่เป็นอยู่ – ภายในและภายนอก – ใกล้ชิดและไม่สามารถเข้าถึงได้

 

ถาม  ท่านเข้าถึงสภาวะนั้นได้อย่างไร?

ตอบ  โดยการเชื่อมั่นและวางในในครูของฉัน

ท่านบอกฉันว่า “เธอเท่านั้นที่มีอยู่เป็นอยู่” และฉันไม่สงสัยในคำพูดของท่าน

ฉันแค่พิศวงงงงวยกับคำพูดนั้น จนกระทั่งฉันตระหนักว่ามันคือความจริงอย่างยิ่ง

 

ถาม  ความเชื่อมั่นที่เกิดจากการทำซ้ำอย่างนั้นหรือ?

ตอบ  เกิดจากการตระหนักด้วยตัวเอง

ฉันพบว่าฉันรู้ตัวและมีความสุขอย่างแท้จริง และโดยความพลั้งเผลอ ฉันคิดว่าฉันเป็นเจ้าของการรู้ตัวนี้ ความสุขที่มีต่อร่างกายนี้และทุกร่างกายในโลก

 

ถาม  ท่านไม่ได้เป็นผู้คงแก่เรียน

ท่านไม่ได้อ่านอะไรมากมาย และสิ่งที่ท่านอ่านหรือได้ยินอาจไม่ขัดแย้งกันเอง

ผมได้เรียนรู้และศึกษามามาก อ่านมาก และผมพบว่าหนังสือและครูจำนวนมากขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น ไม่ว่าผมจะอ่านอะไรหรือได้ยินอะไร ผมจะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน

มันอาจเป็นเช่นนั้น หรือมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น นั่นคือปฏิกิริยาแรกของผม

และเมื่อใจของผมไม่สามารถตัดสินว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ผมจึงค้างเติ่งอยู่กับความสงสัย

ในทางโยคะ ใจที่เต็มไปด้วยความสงสัยเป็นสภาวะที่เป็นผลเสียอย่างยิ่ง

ตอบ  ฉันดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ครูของฉันก็ได้สอนให้ฉันตั้งข้อสงสัยเช่นกัน – สงสัยในทุกสิ่ง

ครูกล่าวว่า “ปฏิเสธการมีอยู่ของทุกสิ่งยกเว้นตัวเธอเอง”

เธอสร้างโลกขึ้นมาผ่านทางความต้องการของเธอ โลกซึ่งเต็มไปด้วยสุขและทุกข์

 

ถาม  มันต้องเต็มไปด้วยทุกข์เช่นนี้เสมอหรือ?

ตอบ  แน่นอน

ความสุข โดยธรรมชาติของมัน เป็นสิ่งที่มีขีดจำกัดและชั่วคราว

ความต้องการเกิดขึ้นจากความทุกข์ มันแสวงหาความสมหวังด้วยความเจ็บปวด และจบลงด้วยความเจ็บปวดจากความไร้ผลและสิ้นหวัง

ความทุกข์คือพื้นหลังของความสุข การแสวงหาความสุขทั้งหมดเกิดขึ้นจากความทุกข์และจบลงในความทุกข์

 

ถาม  ทุกอย่างที่ท่านพูดชัดเจนมากสำหรับผม

แต่เมื่อทุกข์ทางกายหรือทางใจเกิดขึ้น ใจของผมพลันขุ่น มืดมัว หรือตะเกียกตะกายแสวงหาทางออก

ตอบ  แล้วมันมีปัญหาอะไรหรือ?

มันก็เป็นแค่ใจที่ขุ่นมัวหรือกระวนกระวาย ไม่ใช่เธอ

ดูสิ มีอะไรตั้งหลายอย่างเกิดขึ้นในห้องนี้

ฉันเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นหรือเปล่า?

มันเกิดของมัน

ดังนั้น ต่อหน้าเธอ – โชคชะตาได้คลี่ตัวของมันออกและทำให้สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้น

เธอไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางของเหตุการณ์ แต่เธอสามารถเปลี่ยนทัศนคติของเธอได้ และสิ่งสำคัญคือทัศนคติ ไม่ใช่แหตุการณ์

โลกคือที่พักอาศัยของความต้องการและความกลัว

เธอจะไม่สามารถหาความสุขสงบได้ในโลก

เธอต้องไปเหนือโลกจึงจะพบความสงบ

ปฐมเหตุของโลกคือความรักตัวเอง

เพราะความรักตัวเองนี้ เราจึงแสวงหาความสุขและหลีกหนีความทุกข์

จงแทนที่การรักตัวเองด้วยความรักของธรรมชาติเดิมแท้ แล้วภาพจะเปลี่ยนไป

 Brahma พระผู้สร้าง เป็นองค์รวมของความต้องการทั้งหมด

โลกคือเครื่องมือเพื่อให้บรรลุความต้องการนี้

จิตวิญญาณรับเอาความสุขใดๆที่มันต้องการ และจ่ายราคาของมันด้วยน้ำตา

เวลาช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ปรับให้เข้าสู่สมดุล

กฏแห่งสมดุลมีอำนาจปกครองสูงสุด

 

ถาม  การที่จะเป็นซูเปอร์แมน บุคคลต้องเกิดขึ้นมาก่อน

ความเป็นบุคคลเป็นผลของประสบการณ์จำนวนนับไม่ถ้วน

ความต้องการผลักดันให้เกิดประสบการณ์

ดังนั้น ความต้องการจึงถูกต้องในเวลาและระดับที่เหมาะสม

ตอบ  ทั้งหมดนี้มีส่วนจริง

แต่วันหนึ่ง เธออาจมีสิ่งสะสมรวบรวมไว้มากพอและต้องเริ่มสร้าง

เมื่อนั้น การคัดเลือกและการทิ้ง (viveka-vairagya) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ทุกอย่างต้องถูกกลั่นกรอง และสิ่งไม่จำเป็นต้องถูกทำลายอย่างไม่ไว้หน้า

เชื่อฉัน ไม่มีการทำลายใดที่มากเกินไป

เพราะในความจริงแท้ ไม่มีอะไรที่มีคุณค่า

จงทรงไว้ซึ่งความไม่มีอคติอย่างแนบแน่น – เท่านั้นเอง

 

ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

หมายเลขบันทึก: 633405เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2017 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม 2017 22:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท