บันทึกชุด ศาสตร์และศิลป์ว่าด้วยการสอน นี้ตีความจากหนังสือ The New Art and Science of Teaching เขียนโดย Robert J. Marzano ซึ่งเพิ่งออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ นี้เอง
ตอนที่ ๓๔ สร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียน ตีความจาก Element 32 : Motivating and Inspiring Students และเป็นตอนสุดท้ายของภาค ๗ ใช้ยุทธศาสตร์สร้างพันธกิจสัมพันธ์ของนักเรียนต่อการเรียน
การสร้างแรงจูงใจสู่แรงบันดาลใจมีเป้าหมายเพื่อปูทางให้นักเรียนเข้าสู่การบรรลุเป้าหมายสูงส่งของตนเอง (self-actualization) ซึ่งหมายถึงสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่สูงส่งกว่าตัวเอง หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่มีคุณค่าสูงส่ง ที่ตนเองต้องการพัฒนาไปสู่
คำถามเชิงยุทธศาสตร์ของครู ในการสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียน คือ “ครูจะจัดสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจให้นักเรียนได้อย่างไร”
ยุทธศาสตร์และวิธีการที่ครูสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียน มีดังต่อไปนี้
เป้าหมายสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเข้าสู่เป้าหมายสูงส่งของตนเอง เป็นเรื่องของการสั่งสมความมีเป้าหมายชีวิต ความมุ่งมั่น มีปัญญาด้านใน ซึ่งในมุมมองของผม เป็นส่วนหนึ่งของทักษะชีวิต
เมื่อยุทธศาสตร์นี้ได้ผล จะสังเกตเห็นพฤติกรรมของนักเรียนดังต่อไปนี้
ยุทธศาสตร์สร้างพันธกิจสัมพันธ์ของนักเรียนต่อการเรียนทั้ง ๑๐ ประการตามในภาค ๗ นี้ ที่ใช้บ่อยในเกือบทุกคาบเรียนคือ
ส่วนยุทธศาสตร์อื่นๆ มีการใช้เป็นช่วงๆ ตามความเหมาะสม เช่น ตอนต้นปีการศึกษาครูมอบโครงการระยะยาว ๑ ปีการศึกษาให้นักเรียนทำ ครูอาจใช้กิจกรรม “ฝันถึงอนาคตตนเอง” ในช่วงต้นของภาคการศึกษาแรก เพื่อสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจไปตลอดปีการศึกษา และผมมีความเห็นส่วนตัวว่า กิจกรรม “ฝันถึงอนาคตตนเอง” นี้ น่าจะจัดซ้ำได้อีกในโอกาสที่เหมาะสม
ระดับความเข้มข้นของพันธกิจสัมพันธ์ของนักเรียนต่อการเรียนทั้ง ๑๐ เทคนิคนี้ ไม่เท่ากัน ระดับที่ธรรมดาที่สุดคือ นักเรียนแสดงความสนใจ ขั้นถัดไปคือ มีพลัง, ฉงนสนเท่, และมีแรงจูงใจและแรงบันดาลใจ ตามลำดับ ย้ำว่าระดับสูงสุดคือมีแรงจูงใจและแรงบันดาลใจ ซึ่งจะเห็นว่า การที่นักเรียนตั้งใจเรียน เป็นขั้นต่ำที่สุด ครูที่เก่ง จะต้องจัดกระบวนการสอนในระดับที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ศิษย์
วิจารณ์ พานิช
๑๑ เม.ย. ๖๐
ไม่มีความเห็น