คอมพิวเตอร์


การซื้อคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ขั้นคือ

ขั้นที่ 1
ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ขั้นที่ 2 ศึกษาถึงวัตถุประสงค์ ความจำเป็นและความต้องการของตนเอง

ขั้นที่ 3 เลือกซอฟแวร์ให้ตรงกับประเภทของงานที่คุณต้องการ


ขั้นที่ 4 เลือกฮาร์ดแวร์


ขั้นที่ 5 เลือกซื้ออย่างชาญฉลาด

ขั้นที่ 6 การใช้และการบำรุงรักษา

ขั้นที่ 1 ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีหัวข้อใหญ่ ๆ อยู่ 2 หัวข้อ คือ

1. ศึกษาว่าคอมพิวเตอร์คืออะไร และ
2. คอมพิวเตอร์สามารถทำอะๆรได้บ้าง

 

ในการศึกษาความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 ประการนี้ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องต่อไปนี้อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ คือ

 

1. คำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์
2. เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบของมัน ได้แก่ ฺฮาร์ดแวร์ชนิดต่าง ๆ ที่มาประกอบกันเข้าเป็นระบบคอมพิวเตอร์
3. เรียนรู้เกี่ยวกับซอฟแวร์ประเภทต่าง ๆ
4. พยายามศึกษาถึงประสบการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จากบุคคล หนังสือ หรือสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่อาจจะนำมาใช้ให้ได้มากที่สุด

 

ขั้นที่ 2 ศึกษาถึงวัตถุประสงค์ ความจำเป็น และความต้องการของตนเองคุณควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความต้องการของคุณว่า คุณต้องการซื้อคอมพิวเตอร์นี้ คุณต้องการซื้อมาเพื่อจะให้คอมพิวเตอร์ทำอะไรให้คุณ สื่งที่คุณควรทำก็คือ เขียนความจำเป็น และความต้องการของคุณลงไปบนกระดาษเรียงตามลำดับความต้องการมากน้อย และคอมพิวเตอร์ยังใช้คอมพิวเตอร์ให้ทำสิ่งใดให้อีกบ้างและประมาณคร่าว ๆ ดูว่า ตามความจำเป็น และความต้องการทั้งหมดที่คุณจะซื้อ ควรจะมีความสามารถแค่ไหน เพียงใด และราคาโดยประมาณควรจะเป็นเท่าไร

 

ขั้นที่ 3 เลือกซอฟแวร์ให้ตรงกับประเภทของงงานที่คุณต้องการ การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ สิ่งแรกที่จะเลือกก็คือ ซอฟแวร์ ดังนั้นคุณจึงควรพิจารณาถึงการซื้อซอฟแวร์ก่อนเป็นอันดับแรก โดยถือเอางานที่คุณต้องการจะทำ (ในขั้นที่2) เป็นเกณฑ์ แล้วคุณก็แสวงหาซอฟแวร์ชนิดที่ทำงานชนิดนั้นให้คุณได้ คุณมีงานที่จะต้องให้คอมพิวเตอร์ทำอยู่กี่ประเภท คุณก็เลือกซอฟแวร์ตามประเภทของงานให้ครบ เพื่อจะได้ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับงานที่ต้องการทำให้คุณได้
หลักเกณฑ์ในการเลือกซอฟแวร์1.โปรแกรมที่เลือกซื้อมาต้องเป็นโปรแกรมที่สามารถทำงานที่คุณต้องการโดยเฉพาะเช่น คุณต้องการทำงานด้านบัญชี ควรเลือกซื้อโปรแกรม spreadsheet หรือ microsoft excel ไม่ใช่ซื้อ word processor มาเพื่อทำบัญชี เพราะเหตุว่า โปรแกรมทั่ว ๆ ไป ที่คุณเลือกนั้น แม้ว่าจะสามารถทำงานที่คุณต้องการได้ แต่อาจขาดกิจลักษณ์ต่าง ๆ ที่ให้ความสะดวกในการทำงานของโปรแกรม ขั้นตอนนี้ คุณควรจะได้สอบถามพนักงานขายหรือบริษัทผู้ผลิต ผู้จำหน่าย อย่างดีก่อนที่จะซื้อว่า โปรแกรมที่คุณต้องการนั้น จะสามารถสนองความต้องการให้คุณได้ดีเพียงใด ตรงกับเป้าหมาย หรือ วัตถุประสงค์ของคุณหรือไม่
2. โปรแกรมที่คุณตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อให้สามารถทำงานให้คุณได้นั้น ต้องใช้อุปกรณ์ประกอบภายนอกใดบ้าง เพื่อนำมาต่อเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์

 

ขั้นที่ 4 เลือกฮาร์ดแวร์เริ่มต้นที่การศึกษาคู่มือหรือเรื่องเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ทั้งหลายของบริษัทผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายรวมทั้งสอบถามพนักงานขาย และพนักงานฝ่ายเทคนิคจากบริษัทผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการด้วย

 

ขั้นที่ 5 การเลือกซื้ออย่างชาญฉลาดตามหลักเศรษฐศาสตร์ผู้บริโภค ได้กล่าวถึง ลักษณะของ ผูบริโภคที่สามารถ หรือ good consumership เองไว้ว่า ต้องซื้อของด้วย ราคาที่ถูกที่สุด และได้ของที่ดีที่สุด การเป็นผู้บริโภคที่สามารถนั้นจะต้องรู้จักเลือกสิ่งที่เราต้องการหลาย ๆ ยี่ห้อ หลาย ๆ ชนิด เพื่อศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เช่น ดูคุณภาพ ความทนทาน ดูกิจลักษณ์(feature) ต่าง ๆ ของมัน เปรียบเทียบกัน รวมทั้งราคาด้วย แล้วจึงตัดสินใจซื้อ
ในการเลืทอกซื้อคอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติของ good consumership หรือ ผู้บริโภคที่สามารถ ในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ด้วย นั่นคือ อย่าเพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่คุณเพิ่งเห็น เพื่อให้ได้คอมพิวเตอร์ที่ดี และเหมาะ กับงานที่คุณต้องการทำมากที่สุด ราคาถูกที่สุด และดีที่สุด จงดูและศึกษาคอมพิวเตอร์หลาย ๆ ระบบ หลาย ๆ ยี่ห้อรวมทั้ง ศึกษาถึงอุปกรณ์ประกอบภายนอก ตลอดจนสมรรถนะในการทำงานด้านต่าง ๆ อย่างละเอียดทุกเครื่อง ทุกระบบ
คำถามต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการได้ดีขึ้น- คอมพิวเตอร์เครื่องนี้สามารถทำงานที่คุณต้องการได้ครบถ้วนหรือไม่
- คอมพิวเตอร์เครืองนี้สามารถนำอุปกรณ์ประกอบภายนอก ที่คุณต้องการมาต่อเชื่อมโยงได้อย่างครบถ้วนหรือไม่
- มีเอกสารและสารสนเทศที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้อย่างสมบูรณ์คบถ้วนเพียงใด

 

ขั้นที่ 6 การใช้และการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ของระบบคอมพิวเตอร์ ต้องการบำรุงรักษา หรือการซ่อมแซมน้อยมาก พูดตรง ๆ ก็คือ ไม่ค่อยพบว่า ฮาร์ดแวร์จะชำรุดเสียหายจากการใช้งานตามปกติ รวมทั้งแฟ้มข้อมูล หรือที่เรียกว่า ไฟล์ (file) ต่าง ๆ ก็เช่นเดียวกัน หากมีการชำรุดเสียหายเกิดขึ้น ก็มักจะเป็นการเสียหายที่มาก หรือสายเกินแก้ คุณจำเป็นต้องพิถีพิถันกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น การคลุมผ้ากันฝุ่นฮาร์ดแวร์ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นต้น
ความระมัดระวังและเอาใจใส่ในเรื่องต่อไปนี้ จะช่วยทำให้การใช้และการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดปัณหา
1. ก่อนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์สักเครื่องหนึ่ง เมื่อซื้อมาแล้วจะเป็นเครื่องที่ทนทานไม่เกิดปัญหาก็จะช่วยลดปัญหาในการใช้ และการบำรุงรักษาลงไปได้มาก
2. ก่อนการติดตั้ง ควรอ่านคู่มือและคำแนะนำโดยละเอียดทุกขั้นตอน
3. ก่อนลงมือใช้เครื่อง สิ่งสำคัณที่สุดคือ ต้องอ่านคู่มือที่ผู้จำหน่ายให่มาอย่างละเอียด และทดลองทำตามคู่มือ เพื่อให้แน่ใจว่า สามารถทำได้
4. ขณะใช้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น หากคุณไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขอย่างไร ควรเรียกฝ่ายบริการของบริษัทผู้จำหน่าย ซึ่งต่มปกติ ในระยะ 1 ปีแรก ผู้จัดจำหน่ายที่ได้มาตรฐานมักจะมีบริการที่เรียกว่า on-site หรือ "บริการถึงที่"
5. บริการอีกอย่างหนึ่งที่ทางบริษัทผู้จำหน่ายที่ดีมีให้ก็คือ การให้บริการทางโทรศัพท์ในกรณีเกิดปัญหาในการใช้เครื่อง พนักงานจะบอกวิธีการแก้ปัญหาให้คุฯทางโทรศัพท์ก็ได้
6. ในกรณีที่เกิดปัญหาร้ายแรง เรื่องชำรุดเสียหาย เรื่องชำรุดเสียหาย ควรนำเครื่อง (เฉพาะตัวเครื่องหรือคอนโซล) ไปยังบริษัทผู้จำหน่าย เพื่อการตรวจตราแก้ไขอย่างละเอียด
คำสำคัญ (Tags): #คอม
หมายเลขบันทึก: 63005เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2006 10:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท