(15)
วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน
ภารกิจและกิจกรรมที่ทำในวันนี้;
แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนเพลียจากการเดินทาง แต่ร่างกายก็คุ้นชินกับการตื่นนอนแต่เช้าเช่นเคย ลุกมาเตรียมอาหารไปวัด หลังเสร็จภารกิจส่วนตัวก็ขับรถเป็นสะพานบุญนำอาหารไปถวายพระ ทานข้าวที่วัดเรียบร้อยก่อนเข้าที่ทำงานจิตเบิกบานและมีพลัง เพราะเพิ่งไปซึมซาบเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน
บรรยากาศห้องทำงานยังคงอบอุ่น วันนี้ต่างมีใจตรงกันนำมะม่วงมาเป็นอาหารว่าง พี่นิดนัดประชุมหารือพูดคุยกันเรื่อง KPI ขององค์กร รู้สึกขอบพระคุณอย่างมากกับการร่วมกันมองหาทางพัฒนางานให้ราบรื่น ข่าวดีแว่วๆ ของพี่วิภาดายังคงเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจให้มีกำลังและพลังที่ดีที่จะสิ่งต่างๆ มีความปิ๊งแว้ปหลายเรื่องของการขับเคลื่อน R2R EMS หลังจากที่ได้ฟังพี่จานำเรื่องเล่ามาเล่าให้ฟัง
ช่วงบ่ายพี่กลอยมาแนะนำซ้ำต่อจากพี่นิดเรื่องการใช้โปรแกรมในการพิจารณา P4P รู้สึกชื่นชมผู้คิดและพัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมาคือ พี่พู่หรือคุณดวงพร ทำให้ลดความยุ่งยากซับซ้อนของผู้ใช้ได้ดีมากๆ
ตอนเย็นเตรียมตัวกลับเข้าไปนอนวัด ได้รับทราบเรื่องลบบางอย่าง ความรู้สึกสงสารปรากฏขึ้นพร้อมกับความรู้สึก "ช่างมันเถอะ" กรรมเป็นเรื่องของบุคคล "ใครจักทำกรรมอันใดไว้ก็ได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป"
ข้อปฏิบัติในชีวิต;
- สวดมนต์ทำวัตรเช้า
- เตรียมอาหารถวายพระ
- นั่งสมาธิภาวนา เดินจงกลม
- เขียนถอดบทเรียนใคร่ครวญในตนเอง
- ศึกษาธรรมะจากการฟังเทศน์
- ทำวัตรเย็น
การทำข้อวัตรปฏิบัติในห้วงเวลาเช่นนี้ทำได้ค่อนข้างดี แม้ว่าเส้นทางนี้จะฝึกฝนมาอย่างยาวนานหลายปี แต่จิตนี้เป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน ก็ยังคงต้องอาศัยการฝึกฝนไปอีกตราบนานเท่านาน จนกว่าจะสะอาดหมดจน
สิ่งที่ได้เรียนรู้และคุณค่าที่เกิดขึ้นในชีวิต;
คนปฏิบัติกับคนไม่ปฏิบัติ ราคาค่างวดก็แตกต่างกันอยู่แล้ว แม้ว่าบุคคลทั้งสองกลุ่มอาจยังไม่ละกิเลสได้หมดจด ถึงอย่างไรราคาค่างวดของผู้ปฏิบัติย่อมมีมูลค่ามากกว่า อาทิเช่น ในขณะที่บุคคลหนึ่งอดข้าว แต่อีกบุคคลหนึ่งทานข้าวสามมื้อ ราคาค่างวดทางจิตใจก็แตกต่างกันอยู่แล้ว คนที่ทานข้าวสามมื้อความอดทนย่อมไม่เท่ากับคนทานมื้อเดียว ซึ่งความอดทนในที่นี้หมายถึง อดทนต่อความอยาก ความหิว ระงับจิต ระงับใจได้ ก็เช่นเดียวกันในขณะที่พระท่านรักษาศีล 227 ข้อ กับโยมที่ศีล 5 ยังไม่ครบ ราคาค่างวดมันก็ย่อมแตกต่างกัน เทียบกันไม่ได้
การฝึกคิดแบบตรรกศาสตร์ ก็เป็นดั่งการคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นวิจัย ความเป็นเหตุความเป็นผล ทำให้เกิดความระมัดระวังจากอาการหลงผิดได้ดีมาก "ตัวหลง" หรือภาษาธรรมะเรียกว่า "โมหะ" จะเป็นสภาวะที่ละเอียดมากๆ บางทีเราคิดว่าเราไม่หลง แต่จริงๆ แล้วเราอาจจะหลงก็ได้ อย่างที่กำลังถอดบทเรียนตนเองอยู่นี้ก็อาจจะเป็นสภาวะหลงอยู่ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามการฝึกคิดแบบตรรกศาสตร์ก็ดี แบบวิทยาศาสตร์ก็ดี แบบวิจัยก็ดี หรืออาจจะเรียกว่าแบบโยนิโสมนสิการก็ดี ต่างล้วนเป็นเกาะป้องกันไม่ให้เราเกิดความหลงผิด และสำคัญตนผิด
บทธรรมที่ได้ศึกษา;
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
"อย่าเป็นคนปากร้าย
เพราะปากร้าย ใจมันต้องร้ายตามไปด้วย
อย่ามาพูดว่า ปากร้ายใจดี
มันหลอกตัวเองทั้งนั้น..."
ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณ Jub Sumalee ขอขอบคุณและอนุโมทนาอย่างยิ่ง
#Noteเตือนตนเอง
"อุเบกขาต้องมีปัญญา"
" .. "คนที่จะวางเฉยได้ต้องมีปัญญา ประกอบด้วยปัญญา" พิจารณาถึงบุญกรรมบาปเวร บุญวาสนาบารมีของมนุษย์สัตว์ ทั่วไปว่า "มนุษย์สัตว์ทั้งหลายเกิดมามีกรรมเป็นของของตน" ตนนั่นแหละเป็นผู้ได้รับผลของกรรม คนอื่นจะรับแทนไม่ได้ คนอื่นเป็นแต่ผู้ช่วยเมตตาแนะนำและตักเตือนให้เขาเว้นจากความชั่ว
"เมื่อเขาไม่ได้ทำกรรมชั่ว เขาก็ไม่เดือดร้อน" เมื่อเขาไม่ทำกรรมชั่วและไม่เดือดร้อนแล้ว ใจของเขาก็สบาย เป็นอุเบกขา เป็นความดีของเขาที่ทำตามคำสอนของเรา "คราวนี้เมื่อเราสอนเขาแล้ว เขาไม่ทำตามคำสอนของเรา" จนกระทั่งเขาทำความผิด ได้รับโทษนานาประการ
เราก็พิจารณาเช่นนั้นเหมือนกันว่า "น้ำขี้โคลนมองไม่เห็นตัวปลาฉันใด คนที่ทำกรรมกิเลสมากไม่มีปัญญา ใครจะตักเตือนชี้ เหตุผลให้ฟังสักเท่าใด ๆ ก็ย่อมรู้ตามไม่ได้" เอาแต่ใจของตัวถ่ายเดียว เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้วใจก็วางเฉยได้ .. "
"อัปปมัญญา ๔"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
#Noteเตือนตนเอง
บทธรรมสองบทนี้เข้ามาในช่วงเวลาที่พอเหมาะกับเรื่องที่กำลังพิจารณา ทำให้ใจนี้ลงได้เร็ว ไม่รุ่มร้อนหรือกังวลกับการสิ่งที่มากระทบ เครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยทำให้เราสามารถต้านทานสิ่งต่างๆ ได้คือ สติกับสมาธิ จิตที่มีสติสมาธิจะเป็นจิตที่มีน้ำหนัก คือ หนักแน่นต่อการใช้ชีวิต และนำพาตนเองไปสู่สภาวะที่สงบได้ง่ายและเร็ว
02-06-2560
ไม่มีความเห็น