HOMEC กับความช้า


เจอเรื่องที่อึ้งครับเพราะรู้สาเหตุแล้วทำอะไรไม่ได้

ความคาดหวังเมื่อได้เซอเวอร์มาใหม่ทำให้ผมกระตือรือล้นยิ่ง

แต่ตอนนี้กลับเป็นความผิดหวังเล็กๆ (มั้ง)

ที่ระบบกลับทำงานได้ช้าลงกว่าเดิมพอสมควร

จนบางครั้งห้องยาทนรอไม่ไหวต้องคิดเงินด้วยมือไปแทนร่วมกับการเงิน

ผมมองในแง่ดีไว้ อาจเป็นช่วงแรกที่ระบบเปลี่ยนใหม่อะไรๆ ยังไม่เข้าที่

แต่มันก็เป็นมาตลอดยาวนานเกือบ 3 อาทิตย์เข้าไปแล้ว (ได้มาต้นเดือน)


เหตุการณ์ปัญหานี้ทำให้ผมลองไปคิดว่าทำไม

 เครื่องเซอเวอร์ที่ดีกว่าเดิม ทำไมทำงานช้ากว่าเก่า

 ผมลองค้นหาอ่านจากหนังสือเรื่องข้อมูล+ได้เปิดหาจากในนี้ก็ได้ความคิดเห็นหลายอย่างโดยเฉพาะอันนี้ครับ

database ที่ทำงานช้า แก้ไม่ได้ด้วยการซื้อเครื่องแม่ข่ายที่ใหญ่ขึ้น

Multitasking Optimization: หัวไวทำแต่น้อย หัวช้าทำให้มาก

บันทึกจากท่าน ผศ.ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์

อ่านแล้วอึ้งมากครับ

อึ้งเพราะเพราะรู้แล้วทำอะไรไม่ได้


ผมเองก็นึกอะไรง่ายไปเช่นกัน เพียงแค่มองว่าที่ รพ.ทรวงอกทำได้ เราก็น่าจะทำได้เหมือนกัน

ต้องย้อนเล่าไปอดีตนิดนึงครับ พี่อู๋ เภสัชกรจาก รพ.ทรวงอกที่มาดูงานโปรแกรม HOMEC IPD ที่เราทำไปก่อน ได้ยินว่าเขาสามารถทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ทั้งๆ ที่ใช้โปรแกรมเดียวกับเรา

พอคุยไปคุยมาก็รู้ว่าโปรแกรมเขาก็คนละเวอชั่นกับเรา บางอย่างเราก็ทำตามเขาหมดไม่ได้เหมือนกัน

สิ่งสำคัญที่เราขาดคือ โปรแกรมเมอร์ ดังที่คุณไมโตคอนเดรีย เคยแนะนำผมไว้

........

 บันทึกด้วยความอึ้งนาน 22 นาที

คำสำคัญ (Tags): #ความล่าช้า#homec
หมายเลขบันทึก: 62872เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2006 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

งานนี้ ไม่รู้ว่า เป็นการฝึกสติ หรือเพิ่มความเครียดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกันแน่นะ

พี่พัชรา

ผมเองก็ไม่อยากดดันใครครับ แต่ตอนที่ผมอ่านบันทึกท่าน ผศ.ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์นี่ผมคิดได้อย่างเดียวครับว่า อึ้ง เลยนำมาให้ทุกท่านได้อ่านดูกัน

ผมเป็นห่วงมากครับเพราะว่าปัญหาเรื่องนี้กระทบทุกหน่วยที่ใช้ HOMEC

ผมเองหวังว่าให้หน่วยสารสนเทศเจอสาเหตุและแก้ปัญหาได้เร็วๆ ครับ

  • คำนี้สงสัยพิมพ์ผิดครับกระตือรือล้น
  • น่าจะเป็น กระตือรือร้นคำว่า "กระตือรือร้น" มีความหมายว่า "รีบร้อน เร่งรีบ ขมีขมัน มีใจฝักใฝ่ และเร่งร้อน".
  • แวะมาทักทาย อึ้ง ทึ่ง เสี...หรือเปล่าครับ ยิ้มยิ้ม
  • กำลังฝึกสติกับคำ Comment ของน้องๆ ห้องบัตรเรื่องเปลี่ยนเซอร์เวอร์แล้วทำไมกลับทำงานช้าลงไปอีก มีน้องๆ บางคนบอกว่าอยากปลีกวิเวกไปบวชเสียจริงๆ ช่วงนี้
  • อ่านบันทึกนี้แล้วยิ่งอึ้งตามไปด้วยเลยค่ะ

 

มองอีกมุมก็เห็นใจเจ้าหน้าที่สารสนเทศนะคะ เพราะต้องดูแลเกี่ยวข้องทั้งระบบใหญ่ของสถาบัน ที่ผ่านมาจึงดูเหมือนมีแต่วิ่งแก้ปัญหามากกว่าเชิงรุก เวลาถูกตามก็จะต้องลองรับอารมณ์ (บ่จอย)

 ซึ่งไม่ทราบว่า อัตรากำลังน้อยไปหรือเปล่ากับการเป็นหลักสำคัญเพื่อขับเคลื่อนระบบคุณภาพของสถาบัน

เข้ามารับฟังปัญหาและจะรีบแก้ให้ค่ะถ้าทำได้โดยการบริหารอย่างเดียว

เห็นใจทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการค่ะ

  • ผมก็วนเวียนเข้าออกอยู่แถวห้องยาคุณจันทร์เมามายนี่แหละนะ
  • การเติบโตอย่างกรุงเทพฯ ที่ใครนึกอยากจะตัดถนนตรงไหนก็ทำ อยากสร้างตึกตรงไหนก็สร้าง ใหม่ๆเราเรียกว่าความเจริญครับ แต่ผลพวงตามหลังของมันคือรถติดอย่างมโหฬาร สู้ระบบที่มีการวางผังเมือง และจัดวางแนวถนนเป็นบล็อกๆไม่ได้ ที่การจราจรจะมีความคล่องตัวกว่า
  • ยังกับผมทำงานอยู่บำราศน่ะ  ผมคิดว่า การที่คุณจันทร์เมามายบอกว่า ระบบที่ต่างคนต่างคิดพัฒนาไปไกลแล้วนั้น สุดท้ายคำตอบจะเหมือนกับการเกิดรถติดครับ เพราะแต่ละระบบคุยกันไม่รู้เรื่อง อย่าเสียดายของเก่าเลยครับ เพราะนับวัน สถาบันฯจะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโตขึ้นเท่าไร ระบบเหล่านี้ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นเท่านั้น สมควรจัดเป็นวาระเร่งด่วนว่าด้วยการวางระบบเครือข่ายของสถาบันในอนาคต แล้วประชุมผู้เกี่ยวข้องว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อยากเห็นระบบสารสนเทศของสถาบันมีหน้าตาอย่างไร ลองหาเวลามานั่งจิบกาแฟคุยกัน เรื่องอย่างนี้น่าจะคุยกันนาน น่าจะมีผู้บริหารระดับสูง มาร่วมด้วย และที่ขาดไม่ได้คือคนที่รู้เรื่องระบบฐานข้อมูล แล้วลองประเมินดูว่า ถ้าจะไปให้ถึงจุดที่ว่านั้น ต้องการทรัพยากรด้านไหนบ้าง เอาคนเพิ่มกี่คน เชี่ยวชาญด้านไหนบ้าง เอาเครื่องเพิ่มกี่เครื่อง spec ขนาดไหน ใช้งบเท่าไหร่ ต้องใช้เมื่อไหร่ แล้วลองหาใครที่เขียนโครงการเก่งๆ สักคน เขียนโครงการ พร้อมงบประมาณ  เสนอผู้บริหารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
  • ค่อยๆทำทีละเฟสก็ได้ เฟสไหนเร่งด่วนก็ทำก่อน แล้วค่อยๆเชื่อมโยงให้เป็นระบบเดียวกัน อย่าเป็นเป็นต่างคนต่างทำ
  • เอาความต้องการของเราเป็นหลัก แล้วลองดูว่ามี Software สำเร็จรูปรองรับระบบโรงพยาบาลทั้งระบบไหม หรือจะเพิ่มกำลังคนให้คนของเราพัฒนาขึ้นมาเองได้ การใช้คนของเราพัฒนาเอง ต้องมั่นใจได้ว่ามีคนเก่งพอที่จะเขียนระบบใหญ่อย่างสถาบันฯทั้งระบบได้ แล้วหาคนมาเสริมเพิ่มเข้าไป ถ้าไม่มั่นใจว่ามีคนมีความสามารถเพียงพอแล้ว ค่อนข้างเสี่ยงเหมือนกันครับที่จะเอาเงินไปเททิ้ง

นาย ขจิต ฝอยทอง

  • ใช่แล้วครับ "ล้น" นี้หมายถึงมันล้นสมองครับ
  • ขอบคุณที่เตือนครับ
  • "อึ้ง ทึ่ง เสี่ยว" ครับ อิอิ

พัฒนาคุณภาพ

  • ใช่ครับ โดยเฉพาะเวลารีบ
  • น้องๆ ที่คีย์ยานั่งมองรายการยาที่คีย์ทีละตัวขึ้นมา ผมก็สงสารครับ
  • บอกให้เขานั่งสมาธิก็ไม่ได้เพราะคนไข้เร่งยิกๆ อยู่
  • หวังว่าระบบจะดีขึ้นครับ

พี่พัชรา

  • ผมก็เห็นใจสารสนเทศครับ เลยพยายามไม่โทรไปเรยก
  • เห็นโฟนเรียกกันทุกวันเพราะโทรไปไม่เจอคน น่าเหนื่อย (กาย+ใจ) นะครับ
  • ผมว่าเกี่ยวกับตัวระบบมากกว่ากำลังคนครับ เพราะปัญหาไม่น่าเกิดทีละนานๆ แบบนี้ครับ 

Dr. อัจฉรา เชาวะวณิช

  • เห็นด้วยกับที่ผอ. ว่าครับ
  • วันเสาร์อาทิตย์นี้ดีขึ้นมากครับ คงเป็นเพราะไม่มีคนมาแย่งใช้ดึงข้อมูลแข่งกับห้องยามาก
  • หวังให้วันปกติเป็นอย่างนี้เถิดครับ เพี้ยง
  • คุณไมโตเปรียบเทียบได้เห็นภาพเลยครับ
  • เป็นมุมมองที่ใหญ่มากครับ แต่น่าจะเป็นทางที่ดีครับที่จะวางเป้าอนาคตไว้ ฝากท่านผอ อัจฉราไว้ด้วยละกันครับ
  • ปล. ผมลองมองอีกมุมว่า เหมือนคนแย่งรถแท็กซี่ครับ
  • แท็กซี่สมมติมี 10 คันคอยรับส่งข้อมูล แต่คนขอขึ้นรถมาก เลยส่งได้ทีละนิดๆ
  • พอเร่งมากๆ รถร้อนเครื่องพังก็เอวังครับ

 

  • งานด้านสารสนเทศ เป็นเรื่องใหญ่ครับ ถ้าปล่อยให้มีการเติบโตเอง ตอนที่ record ยังไม่มากนักจะยังไม่เห็นปัญหาชัดเจน แต่ถ้า record มีมากขึ้น ปัญหาก็จะยิ่งหนักขึ้น แค่การเขียนคำสั่ง search โดยไม่ใช้ index ช่วยค้น ก็แทบจะใช้เวลาต่างกันเป็นทวีคูณแล้ว แล้วยิ่งถ้าต้องมีปัญหาการคุยข้ามระบบ โดยไม่มีตัวเชื่อมที่ดีแล้วด้วย สุดท้ายระบบนั้นก็จะเป็นอัมพาตแล้วก็ตายไปเองครับ ระบบการทำงานก็จะเป็นจุดๆ เวลาจะเอาข้อมูลอะไรที่อยู่ข้ามระบบก็ต้องเอามาทำ manual ต่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกจริงๆ
  • จะช้า จะเร็ว สุดท้าย ผมคิดว่า ระบบสารสนเทศทั้งสถาบันยังไงก็ต้องทำให้เป็นระบบเดียวกัน ที่คุยกันรู้เรื่อง ส่งต่อข้อมูลถึงกันได้ โดยไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้น ไม่เริ่มวันนี้ ก็ต้องเริ่มในวันข้างหน้า การแก้ปัญหาตอนนี้ ยังอาจไม่หนักหนาสาหัสเท่าการแก้ปัญหาในวันข้างหน้าครับ
  • ถ้าเป็นเรื่อง Taxi จะเป็นเรื่องของ hardware ครับ มีคนคอยรถ taxi มากนัก ก็เพิ่มจำนวนรถ ให้มากขึ้น เพื่อให้รองรับคนที่ใช้บริการให้เพียงพอ ถ้าเพิ่มรถมากขึ้นแล้ว รถในถนนติด ก็ขยายถนน แต่เท่าที่ฟังจะคุณจันทร์เมามาย ผมคิดว่าเป็นเรื่องของ infrastructure ครับ เป็นการเติบโตแบบที่ไม่ได้วางแผนไว้ ใครมีความสามารถด้านไหน ก็พัฒนากันไป แล้วลืมเรื่องการเชื่อมโยงให้เป็นระบบเดียวกัน พอเมื่อ มี record มากขึ้น ปัญหาก็เลยเด่นชัดขึ้น ปัญหาเรื่องนี้ ถ้ามีคนรู้เรื่องระบบฐานข้อมูลดีๆสักคน น่าจะช่วยได้เยอะครับ
  • อยากให้ส่งข้อเสนอแนะของคุณ Mitochondria  ให้ประธานสารสนเทศและผู้บริหารเป็นแนวทางในการพิจารณาพัฒนาระบบด้วยค่ะ 
  • และอยากฝากขอบคุณ คุณ Mitochondria มากๆ ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท