จากการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกชายพร้อมทีมสหสาขาประกอบด้วยแพทย์กระดูก แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เภสัช พยาบาลตึกฉุกเฉิน พยาบาลตึกผู้ป่วยนอก พยาบาลหอผู้ป่วย พยาบาลห้องผ่าตัด พยาบาลดมยา นักจิตเวช นักโภชนากร นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด และเราพยาบาลเวชกรรมสังคม พยาบาลเยี่ยมบ้าน
ตอนเก้าโมงที่หอผู้ป่วยสิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาเราที่เดินไปถึงคือ ภาพที่เจ้าหน้านับสิบยืนฟังแพทย์เจ้าของไข้กำลังเล่ารายละเอียดของคนไข้ โดยที่เจ้าของเรื่องเป็นชายกลางคนสภาพนอนบนเตียงครึ่งนั่งครึ่งนอน มีบาดแผลแทบทั้งตัว ขาสองข้างพันผ้าพันแผลไว้ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราไม่ใช่เสียงของแพทย์ที่กำลังเล่า ไม่ใช่สภาพบาดแผลที่สดุดตา ไม่ใช่จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ยืนรอบๆเตียง สิ่งที่สดุดตาเรากลับเป็นใบหน้าที่ดูเศร้าหมอง ท่าทางวิตกกังวลมาก จนกระทั่งทำให้เราค่อยๆแทรกตัวไปชิดตัวผู้ป่วยแล้วใช้มือแตะเบาๆที่ไหล่ซ้ายของเขาและพูดคุยกับผู้ป่วยเบาๆถามว่า"เจ็บหรือเปล่า" ผู้ป่วยสั่นหน้า เราถามต่อ"คุณอยู่บ้านกับใครบ้างนะ อยู่กับครอบครัว มีลูกกี่คน" "มีสองคน คนเล็กไปรถกับผมขาหักนอนตึกเด็กลูกผมขยับตัวไม่ได้เลยตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่ได้เยี่ยมลูกผมเลย" "คุณเป็นห่วงลูกชายมากใช่มั้ย" ผู้ป่วยก้มหน้าน้ำตาไหลพรากท่ามกลางเจ้าหน้าที่ เรายื่นกระดาษทิชชูให้ "งั้นวันนี้เราทำแผล ทำกายภาพบำบัดเสร็จเราไปเยี่ยมลูกชายกันนะ" บรรยากาศรอบๆดูสดใสขึ้นทันที เสียงสอดประสานจากพยาบาลหอผู้ป่วยรับปากว่าจะจัดการให้ เสียงหมอเจ้าของไข้อนุญาตให้พาผู้ป่วยไปเยี่ยมลูกได้ เราสังเกตเห็นท่าทางผ่อนคลายของผู้ป่วยแล้วเรารู้สึกว่าการพบผู้ป่วยครั้งแรกของเรา เราสามารถช่วยผู้ป่วยได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม คุณค่าของการทำงานอยู่ตรงเป็นงานบริการที่ผู้ป่วยอยากได้ พึงใจและตรงความต้องการนี่เอง ผู้ชายคนนี้ยังจะมีปัญหาที่รอเขาอีกไม่น้อยเรื่องครอบครัว เรื่องปากท้อง เรื่องสุขภาพที่ยังต้องรักษาอีกนานกว่าที่เขาจะฟื้นฟูสมรรถภาพได้ ทีมสุขภาพคงต้องคอยประคับประคองดูแลอย่างองค์รวม ผสมผสาน ต่อเนื่องทั้งระดับบุคคล ครอบครัวจนกว่าเขาและครอบครัวจะสามารถพึ่งตนเองในที่สุดไม่มีความเห็น