1.2 หลักการพื้นฐานขององค์การการค้าโลก
1.2.1 หลักการไม่เลือกปฏิบัติ( Non-Discrimination ) สาระสำคัญของหลักการไม่เลือกปฏิบัติ คือ สินค้าที่เหมือนกัน(like product) ที่มีถิ่นกำเนิดใน หรือที่ส่งออกไปยังประเทศสมาชิกต่างๆ จะต้องได้รับการปฏิบัติออย่างเสมอภาคกัน ณ พรมแดนนำเข้า และส่งออก และภายในประเทศ หลังจากที่สินค้านั้นผ่านแดนแล้ว ทั้งนี้ โดยอัตโนมัติและปราศจากเงื่อนไข ในเรื่องอัตราภาษีศุลกากร ค่าธรรมเนียม ปริมาณนำเข้าส่งออก ภาษีอื่นๆที่เรียกเก็บจากสินค้าขณะนำเข้า กฎหมายภายใน ข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวกับการจำหน่าย การขนส่ง ภาษีภายใน ดังนั้น เมื่อสมาชิกของ ประเทศหนึ่งปฏิบัติต่อสินค้าชนิดหนึ่งที่มาจาก หรือที่จะส่งออกไปยังดินแดนของอีกประเทศหนึ่งอย่างไร ก็จะต้องขยายการปฏิบัติอย่างเดียวกันกับสินค้าที่เหมือนกันกับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดใน หรือที่จะส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆด้วยโดยทันทีและปราศจากเงื่อนไข(immediately and unconditionally) และเมื่อสินค้านั้นได้เข้ามาในดินแดนของตนแล้ว ประเทศสมาชิกนั้นก็ต้องปฏิบัติต่อสินค้านำเข้าอย่างเสมอภาค หรือไม้ด้อยไปกว่าที่ปฏิบัติต่อสินค้าชนิดเดียวกันที่ผลิตในประเทศ[1] หลักการไม่เลือกปฏิบัตินี้เป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของ GATT /WTO ซึ่งแบ่งเป็น หลักการดังนี้
1.2.1.1 หลักการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง(Most-Favoured Nation:MFN)
เป็นหลักการพื้นฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลักหนึ่งซึ่งบัญญัติไว้ใน Article I :1 ของ GATT ซึ่งมีสาระสำคัญว่า ผลประโยชน์ต่างๆ การให้เปรียบต่างๆ เอกสิทธิ์ และความคุ้มกันที่ให้โดยสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งของ WTO ต่อสินค้าที่มาจาก หรือที่จะส่งไปยังดินแดนของประเทศสมาชิกทุกประเทศของ WTO โดยทันที และปราศจากเงื่อนไข นอกจากนี้ ยังรวมถึงการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์หรือความได้เปรียบอื่นใดก็ต้องปฏิบัติต่อทุกประเทศเหมือนกันด้วย
1.2.1.2 หลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ(National Treatment:NT)
หลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาตินี้บัญญัติไว้ใน Article III หลักการนี้จะอยู่บนพื้นฐานของหลักการไม่เลือกปฏิบัติเช่นเดียวกับหลัก MFN เพียงแต่หลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติจะเป็นการปฏิบัติต่อสินค้าที่เหมือนกันอย่างเท่าเทียมกันระหว่างสินค้านำเข้าจากประเทศภาคีสมาชิกอื่นกับสินค้าที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเรียกเก็บภาษี หรือในด้านการออกระเบียบหรือกฎเกณฑ์ภายใน หลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติมีหลักเกณฑ์ว่า ต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างสินค้าที่ผลิตภายในประเทศกับสินค้าที่นำเข้าภายในประเทศนั้น กล่าวคือ ประเทศผู้นำเข้าต้องปฏิบัติต่อสินค้านำเข้าเช่นเดียวกับสินค้าที่ผลิตในประเทศนั้นๆ หรือกล่าวได้ว่ามาตรการที่ใช้กับสินค้านำเข้าต้องเหมือนกับมาตรการที่ใช้กับสินค้าภายในประเทศ
1.2.2 หลักการห้ามจำกัดการปริมาณ(Quantitative Restriction)หลักการห้ามจำกัดปริมาณนี้ปรากฏอยู่ใน Article XI ของ GATT ซึ่งได้กำหนดห้ามประเทศสมาชิกของ WTO ในการที่จะจำกัดจำนวนการนำเข้า หรือส่งออกสินค้าไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของการจำกัดปริมาณ(Quota) การห้าม(Ban) การใช้ใบอนุญาต(Licensing) โดย Article XI ได้วางเงื่อนไข หรือข้อจำกัดในการอ้างข้อยกเว้นในการจำกัดปริมาณ หรือห้ามนำเข้าได้เฉพาะที่จำเป็น หากมาตรการใดมีผลทำให้การค้าระหว่างประเทศถูกจำกัดในระดับที่เกินควร ก็จะถือว่ามาตรการนั้นขัดต่อ Article XI อย่างชัดเจน ส่วนปัญหาว่าจะจำกัด หรือห้ามนำเข้าได้เพียงใดจึงจะไม่เกินควรนั้นก็จะต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไป อย่างไรก็ตามก็มีการบัญญัติข้อยกเว้นให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้มาตรการจำกัดจำนวนได้ในกรณีต่างๆตาม Article XI :2 (a) – (c)
1.2.3 หลักความโปร่งใส(Transparency)
หลักความโปร่งใสเป็นหลักการที่ช่วยให้ประเทศสมาชิกสามารถรับทราบข้อมูล ข่าวสาร กฎระเบียบ มาตรการต่างๆ และนโยบายของประเทศสมาชิกอื่นได้ โดย WTO กำหนดให้ประเทศสมาชิกเผยแพร่กฎหมาย และกฎระเบียบที่มีความเกี่ยวข้องกับการจำกัด หรือการห้ามนำเข้า และส่งออก รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับการแจ้ง การปรึกษาหารือ การระงับข้อพิพาท และการสอดส่องดูแลกฎระเบียบภายในเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าของประเทศสมาชิก ให้ประเทศสมาชิกของ WTO ทราบ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการอย่างรอบคอบในการออกกฎหมาย โดยหากไม่มีการแจ้งกฎระเบียบใหม่แล้ว กฎระเบียบดังกล่าวก็อาจถือว่าขัดต่อหลักการของ GATT /WTO ได้[2]นอกจากนี้หลักความโปร่งใสยังมีจุดมุ่งหมายในการเผยแพร่เอกสารทางราชการที่มีสาระสำคัญต่อรัฐบาล และประเทศคู่ค้าเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเอกสารดังกล่าว และมีโอกาสรับทราบข้อมูลข่าวสาร โดยวิธีการเผยแพร่อาจทำโดยวิธีการใดๆตามที่รัฐบาลของแต่ละประเทศเลือกใช้ หรืออาจแจ้งข้อมูลข่าวสารไปยัง โดยตรงก็ได้