คิดผิด...ฟังผิด จึงทุกข์ใจ


ช่วงนี้ดิฉันมี case หนึ่งที่ต้องดูแล...
เป็นญาติผู้ป่วย...ตึกศัลยกรรมหญิง..ที่ทางตึกให้คำปรึกษาในเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น
จึงส่งต่อมาให้..เพื่อการบำบัด เกี่ยวกับสภาวะทางจิตใจ...

case นี้เป็นแม่ของ "ลูกสาว" ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ผ่าตัด และหมอยังต้องงดน้ำงดอาหาร
แม่รู้สึกทุกข์ใจมากในการเจ็บป่วยของลูก...คิดมาก คิดไปไกล..จนถึงขนาดว่า "ลูกตนเองกำลังเสียชีวิต"
ซึ่งในเหตุจริง..อาการยังไม่ได้มากเท่า...แต่ด้วยความรัก ความเป็นห่วง และความวิตกกังวลที่มากเกิน
จนสติ...กระเจิง...ทางตึกจึงส่งคุณแม่รายนี้มาคุยกับดิฉัน..

แรกที่เห็น...แม่นั้นมีใบหน้าทุกข์ และเศร้าหมอง..คร่ำครวญและร้องไห้...
ต่อว่าหมอและพยาบาลว่า..ไม่ยอมให้ลูกตนเองดื่มน้ำได้..ซึ่งตามแผนการรักษานี้แพทย์ให้งดน้ำงดอาหารไปก่อน..
แต่แม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนที่พี่สาวเสียชีวิต...ซึ่งก่อนเสียชีวิตบ่นหิวน้ำแต่ไม้ได้ดื่ม...
ซึ่งเป็นประสบการณ์และการรับรู้ที่บิดเบือน แต่ก็เป็นสิ่งที่ฝังใจ...แม่รายนี้อยู่ค่อนข้างมาก..

การช่วยเหลือสำหรับรายนี้..ดิฉันให้ case ได้ระบายออกถึงความรู้สึกทุกข์ และอัดอั้นตันใจ
ขณะที่ฟังเรื่องราว ประเด็นหนึ่งที่รับรู้ได้คือ...case ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโรค และอาการของลูกสาวเท่าที่ควร
และได้ยินหมอและพยาบาลคุยกัน... case ก็เอาประมาประติดประต่อกัน...ผูกเป็นเรื่องไปตามความคิดบิดเบือนของตนเอง...

"คิดว่าลูกสาวกำลังจะตาย"...

ดังนั้น นอกจากการประคับประคองจิตใจสำหรับ case นี้แล้ว...สิ่งที่ต้องทำร่วมด้วย คือ
การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง...แก่ case ในเรื่องภาวะการเจ็บป่วยของลูกสาว..
และแนวทางการรักษาที่แพทย์กำลังให้การรักษาอยู่...
จากนั้น..ประสานไปที่ทางตึกเพื่อฝากเรื่องการให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของลูกสาว...แก่คุณแม่รายนี้ด้วย

 

หมายเลขบันทึก: 62714เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2006 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
เป็นกำลังใจให้ลูกสาวเขาหายป่วยเร็ว ๆ นะคะ

พี่รัตติยาคะ...

ขอบคุณมากนะคะ...สำหรับแรงใจ

หัวอกผู้เป็นแม่...มักเจ็บตามลูกเสมอคะ..

กะปุ๋มยังไม่เคยเป็นแม่หรอกคะ...

แต่..พยายามสัมผัสและรับรู้คะ

^__^

ขอบคุณที่แวะมานะคะ

กะปุ๋ม

  • หวัดดีครับกะปุ๋ม ขอโทษด้วยที่หายหน้าไปเสียนาน (เพราะมัวแต่ทำการบ้านส่ง)  ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว และกลับมาอยู่ในเมืองไทยได้สองสัปดาห์แล้วครับ
  • case นี้น่าสนใจนะครับ ความน่าในใจไม่ได้อยู่ที่กระบวนการให้คำปรึกษา แต่อยู่ที่ความบกพร่องของการให้ข้อมูลกับญาติและผู้ป่วย
  • มีแนวคิดเรื่องความไม่แน่นอน Uncertainty ที่บอกว่า ความไม่แน่นอนของผู้ป่วยและญาติเกิดจาก  การไม่รู้ว่าเป็นอะไร  การไม่รู้ว่าจะรักษายังไง การไม่รู้ว่ารักษาแล้วจะเป็นอะไร และอีกอันผมจำไม่ได้ล่ะ  ดังนั้นการให้สุขศึกษาแก่ญาติและผู้ป่วยในสี่เรื่องนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยลดความกังวลของผู้ป่วยและญาติ
  • อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ  กลวิธีในการสอนญาติ  ทำให้ผมนึกถึงตอนที่อยู่ออสเตรเลียและพาแมวไม่หาหมอ   เวลาที่เขาจะอธิบายอะไรสักอย่าง เขาจะวาดลงบนกระดานแล้วอธิบายเหมือนว่ากำลังสอนหนังสือนักศึกษา  ซึ่งการวาดภาพทำให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ  ผมว่าหมอเมืองไทยน่าจะยอมเสียเวลาที่จะอธิบายคนไข้บ้างนะ  คนไข้จะได้ไม่ต้องไปนั่งคิดเอง กลัวเอง กังวลเอง แบบทุกวันนี้
  • แค่นี้ก่อนนะครับ

สวัสดีคะ...คุณคนไกล

กะปุ๋มระลึกถึงอยู่นะคะ...คิดว่าคงยุ่งๆ...อยู่

และก็ไม่ผิดหวัง..กับการต่อเติม...ที่นำมาสู่ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเสมอ...

ขอบคุณมากนะคะ...

และยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยนะคะ

(^_____^)

กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท