สิ่งที่ได้เรียนรู้.....
· มีความคาดหวัง 3 ข้อคือ
· และเป็นไปตามความคาดหวังทั้ง 3 ข้อคือ
1. เห็นชาวนาที่มาจากหลายภูมิภาคแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างสนุกสนาน ด้วยจิตใจที่ดีงาม พูดคุย ซักถาม จดบันทึกกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซักถามในประเด็นที่ตนสนใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันทุกขณะจิต และที่น่าชื่นใจมีการแลกเปลี่ยนระหว่าง นร. ชาวนาและเด็กนักเรียนจากโรงเรียนใกล้เคียงในพื้นที่ จ. สุพรรณบุรี ซึ่งเด็กนักเรียนเหล่านี้ให้ความสนใจในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ไม่ค่อยกล้าซักถามแต่สิ่งที่น่าดีใจคือ การให้ความสำคัญและเห็นคุณค่าในอาชีพชาวนา ที่เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ (ดังรูปด้านล่าง)
2. ได้เห็นความเชื่อมโยงในการทำงานของเครือข่ายชาวนาต่างๆ เช่น ภาคกลาง (นครสวรรค์, พิจิตร, ชันนาท, อยุธยา, ปราจีนบุรี, ลพบุรี, สระบุรี) ภาคเหนือ (Institute for Sustainable Agriculture Community-ISAC) ภาคอีสาน (เครือข่ายค้ำคูณ, เครือข่ายเกษตรทางเลือก, กลุ่มศรีษะอโศก) ภาคใต้ (ลุ่มปากพนัง, เครือข่ายเกษตรทางเลือก, มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน) และมูลนิธิข้าวขวัญ ที่ร่วมกันทำงานซึ่งกันและกันแบบกัลยาณมิตร พบเจอกันตามงานต่างๆ ที่มีประเด็นสนใจร่วมกัน
3. ได้พบคุณอำนวยของมูลนิธิข้าวขวัญสมดังความตั้งใจ และที่สำคัญได้เห็นการทำหน้าที่ฝึกคุณอำนวยให้กับ นร. ชาวนา เห็นนักเรียนชาวนาทำหน้าที่เป็นคุณอำนวยในฐานการเรียนเรียนรู้ที่มี 3 ฐาน ซึ่ง นร. ชาวนาทุกคนคอยประกบ นร. จำเป็นเช่น จ๊ะจ๋า หรือแม้แต่เพื่อนชาวนาด้วยกันเอง และทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงได้ดีเยี่ยม
· สิ่งที่ได้เกินความคาดหมายคือ
1. การได้ทดลองปฏิบัติการใน 3 ห้องแห่งการเรียนรู้ และเห็นถึงความยากลำบากและความมานะ อดทน บากบั่น อุสาหะ ที่ทุกคน (นร.ชาวนา) ช่วยกันฟันฝ่าร่วมกัน กว่าจะเป็น นร. ชาวนาที่มีคุณภาพในวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นต้องใช้เวลา ใช้ใจ ใช้ชีวิตทุมเทลงไป พลังในการร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมกันปฏิบัติ จิตใจที่ดีงามในการแบ่งปัน เผื่อแผ่ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การฝึกฝนจากการปฏิบัติ และกลับมาแลกเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง หมุนเวียนเป็นเกลียวความรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง
2. ในช่วงเสวนา ทั้ง 2 วันได้เห็น นร. ชาวนาส่วนใหญ่จะนั่งแถวหน้าเวที และแสดงความสนใจ ด้วยการนั่งฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งการฟังอย่างลึกซึ้งเป็นทักษะสำคัญยิ่งทักษะหนึ่ง และ นร. ชาวนาก็ทำหน้าที่ได้ดี
3. ได้เห็นผู้เข้าร่วมหลากหลายวงการ ทั้งคนจากภาครัฐ เอกชน NGO คนในแวดวงวิชาการ โรงเรียนมาร่วมงานนี้ ที่สำคัญคือ ชาวนา ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ และเป็นพระเอก-นางเอกของงานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดนัดนี้มีคนในชุมชนมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากหน้าหลายตากันทีเดียว
4. ได้เห็นรอยยิ้มของชาวนาทั่วทั้งงาน หันหน้าไปทางไหนทุกคนก็ยิ้มให้กัน พูดคุยเป็นกันเอง เสมือนคนคอเดียวกัน ทำให้ผู้ได้รับรอยยิ้มพลอยอิ่มเอมใจไปด้วย
5. ในช่วงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บางฐานผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในลักษณะกัลยาณมิตร แบบเพื่อนช่วยเพื่อนที่เนียนไปกับการเรียนรู้ พร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เช่น ในการเรียนรู้ห้องการปรับปรุงบำรุงดินโดยชีววิธี(ดิน)หลังจากที่สาธิตวิธีการเตรียมจุลินทรีย์แบบแห้ง โดย นร.ชาวนา ก็มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน มีการซักถามถึงต้นทุนการผลิต ซึ่งนร. ชาวนาที่เป็นทั้งผู้สาธิตและเป็นนักปฏิบัติได้ตอบข้อซักถามอย่างเป็นกันเองและไม่ปิดบังข้อมูล เขาบอกว่า “ต้นทุนในการผลิตน้ำหมักชีวภาพ ไม่มีอะไรมาก ไม่อยากเอาเปรียบใครมาก เราอยู่ของเราได้ ”
นี่คือผลที่ล้ำค่าที่สุดในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีใจที่เปิด รับฟังอย่างลึกซึ่ง ซักถามอย่างชื่นชม ชื่นมื่นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง หมุนเวียนกันสมกับเป็นชุมชนนักปฏิบัติกันอย่างแท้จริงเก็บตกมาเล่าสู่กันฟังคะ... พี่ปวีณาลองแลกเปลี่ยนให้รู้บ้างซิคะ....ว่าได้เรียนรู้อะไรจากการเข้าร่วมงานนี้