รูปซ้ายบนคือด้านหน้าอุโบสถ
ผู้มีธรรมย่อมมีความอิสระจากการร้อยรัดของกิเลสทั้งปวง ความนี้เป็นความหมายของ "ธรรมอิสระ" มิได้หมายถึงธรรมที่แปลกไม่เหมือนใคร หรือไม่ขึ้นกับใครแต่อย่างใด
สำหรับผู้ใฝ่ใจในพุทธศาสนา คงจะได้ยินชื่อ วัดอ้อน้อย และมูลนิธิธรรมอิสระ มาบ้าง ย้อนหลังไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว วัดอ้อน้อยเป็นเพียงสำนักสงฆ์ เมื่อก่อนนี้มีเนื้อที่ เพียง 18-20 ไร่เท่านั้น นางทองห่อ วิสุทธิผลเป็นผู้บริจาคเงินซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว
ที่ดินแปลงนี้มีสภาพเป็นลุ่มน้ำขังลึก มีที่ดอนอยู่เพียงเล็กน้อย หลวงปู่พุทธะอิสระพร้อมด้วยพระ 2 สามเณร 3 ช่วยกันสร้างสำนักสงฆ์ธรรมอิสระขึ้นอย่างหามรุ่งหามค่ำ
แม้ยามเดือนหงาย หลวงปู่พุทธะอิสระก็ยังอาศัยแสงจันทร์นวลที่ทอแสงนวลกระจ่างในช่วงตี 2-3 ลุกจากอาสนะขึ้นมาปลูกต้นไม้ และรดน้ำต้นไม้ทุกต้นด้วยความรักและเอาใจใส่ วันแล้ว วันเล่าที่หลวงปู่เฝ้ามองดูการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้น จนไม้นั้นเติบโตให้ร่มเงาแก่สำนักสงฆ์ธรรมอิสระ กุฏิหลังเล็ก มุงด้วยโครงไม้ไผ่เพียง 4-5 หลัง และไม้ทุกต้นก็ยังอยู่ แม้ว่าวันนี้สำนักสงฆ์เล็กๆจะขยับขยายกลายเป็นวัดอ้อน้อย ที่กินเนื้อที่กว้างขวางถึง 100 ไร่ เช่นเดียวกับแมกไม้ที่เติบใหญ่อยู่เคียงกัน
สำนักสงฆ์ธรรมอิสระ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมายกฐานะขึ้นเป็นวัดชื่อ วัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ)เมื่อปี 2535 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษกในงานผูกพัทธสีมาอุโบสถ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2542 เวลา 17.00 น. วัดอ้อน้อย (ธรรมะอิสระ) เป็นวัดในโครงการเฉลิมพระเกียรติ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 72 พรรษา ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 125/1 หมู่ที่ 17 ถนนมาลัยแมน(กม. 17) ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ได้วางรูปแบบการก่อสร้างตามตำราโบราณ และตามหลักพิชัยสงคราม จึงมีความแตกต่างจากวัดอื่นโดยทั่วไป ทั้งโบสถ์และศาลาตลอดจนสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่สร้างขึ้นมาอย่างสวยงามได้สัดส่วนสอดคล้องกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน อันแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์ยิ่ง
อุโบสถโดดเด่นตระการตา
สมเด็จพระสังฆราชได้เสด็จเยี่ยมชมวัดอ้อน้อยเป็นการส่วนพระองค์ถึง 2 ครั้ง และ ได้รับสั่งว่า อุโบสถของวัดเป็นอุโบสถที่มีความงดงามไม่มีใครเหมือน อุโบสถหลังนี้ใช้เวลาก่อสร้างตกแต่งนานถึง 9 ปี โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2533 มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2542 เขตอุโบสถแบ่งเป็น 3 ชั้น รอบอุโบสถประดิษฐานรูปหล่อ 18 อรหันต์ รอบปริมณฑล
ตกแต่งด้วยไม้ดัด มีคูน้ำล้อมรอบให้ความร่มรื่นดั่งสวรรค์บนดิน
ภายในอุโบสถ วิจิตรตระการตาด้วยจิตรกรรมฝาผนังศิลปะไทยประยุกต์ทั้งหลัง จิตรกรรมนี้ได้แสดงให้เห็นถึงโลกทั้งหลายในไตรภูมิ ทิศตะวันออกเป็นมนุษยภูมิ ทิศเหนือและทิศใต้คือป่าหิมพานต์ และทิศตะวันตกเป็นสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น ตลอดจนวิมานของเทพเทวดา ทั้งหลาย บนฝาผนังพระประธาน เป็นภาพของเหล่าพระโพธิสัตว์จำนวนมากในศาสนาต่างๆ ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู เต๋า เพื่อสื่อความหมายว่า พระโพธิสัตว์คือผู้ที่ต่างได้บำเพ็ญบารมีให้ความอนุเคราะห์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์ โดยไม่จำกัดแบ่งแยกเพศและศาสนา นับเป็นความลึกซึ้งมาก
เพดานโบสถ์เป็นมณฑล หรือ มันดาลา เป็นศิลปะพุทธแบบทิเบต รายล้อมด้วยมหาโพธิสัตว์ 8 พระองค์ และภาพสัญลักษณ์ 12 ราศีและภาพของคนเกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่รายรอบ
นอกจากอุโบสถที่สวยงามนี้แล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์, หอกรรมฐาน,หอฉัน,รูปสลักพระธรรมจักร,อาคารอเนกประสงค์,ศาลาปฏิบัติธรรม และหอระฆัง
ถ้ามีโอกาสผ่านไปแถวอำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม อย่าลืมแวะ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) เพราะนอกจากคุณจะเห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนกับวัดใดแล้ว ความร่มรื่นด้วยแมกไม้ของวัดจะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมความวุ่นวายของโลกภายนอก และที่สำคัญมาก...อย่าลืมฟังธรรมะอันลึกซึ้ง คมคาย เรียบง่าย และชัดเจนที่สุดของหลวงปู่พุทธะอิสระ
วัดอ้อน้อย เปรียบเสมือนดั่งสวรรค์แห่งธรรม ที่เมืองกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยความสะอาด ว่าง สงบ จึงเป็นวัดที่กุลบุตรทั้งหลายควรแก่การอุทิศตนเพื่อสืบพระศาสนาแห่งวงศ์ศากยะ ชีวิตก็คือการงาน การงานก็คือ การบริหารจัดการจิตวิญญาณและกายตนให้กล้าแข็ง เมื่อใดที่มีงาน อย่าท้อแท้ อย่าหวั่นไหวและอย่ารู้สึกท้อถอย เพราะงานคือเครื่องมือสร้างความสำเร็จ ความแกร่งกล้า ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่จิต และกาย ใจ ต้องถือว่า งานเป็นความยิ่งใหญ่เป็นสุดยอดของพรอันวิเศษที่พระเจ้า หรือผู้มีอำนาจ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้เรา งานคือขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดมีงาน เมื่อนั้นก็มีพร มีความสำเร็จ แต่ถ้าเมื่อใดไม่มีงาน เมื่อนั้นก็ขาดพร นั่นคือ ขาดความสำเร็จ ดังนั้น งานทุกชนิดจงคิดอยู่เสมอว่า มันคือพลังอันยิ่งใหญ่และอำนาจ ตบะ ชัยชนะ ความเจริญของชีวิต จิตวิญญาณเรา ขอให้ทำมันด้วยวิธีอันเลิศ และผลที่เลิศก็จะตามมา
ต้นศรีมหาโพธิ์ (ต้นโพธิ์ตรัสรู้) : เป็นต้นไม้ต้นแรก ที่หลวงปู่พุทธอิสระได้นำมาปลูกในวัดนี้ หลวงปู่ได้เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ในวันมาฆบูชาของปีหนึ่ง ท่านได้ไปเวียนเทียนรอบต้นโพธิ์ และได้เห็นต้นโพธิ์ แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โต ให้ร่มเงา เป็นที่อาศัยของสัตว์ และมนุษย์ทั้งหลาย ดูช่างเป็นประโยชน์มากมาย ท่านได้รำพึงแก่ตนเองว่า "ถ้าเราจะสร้างวัด เราจะไปเอาต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาจากที่ไหน?"
เช้ามืดของวัดถัดมา ท่านตื่นขึ้น ล้างหน้า เตรียมตัวเพื่อจะปฏิบัติธรรม ก็มีเสียงพรึบๆ อยู่บนอากาศ ท่านได้เงยหน้าขึ้นดู ก็ได้เห็นนกตัวใหญ่ปากคาบอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อมันเห็นหลวงปู่เงยหน้าขึ้นมองดู มันก็ได้ปล่อยสิ่งที่คาบอยู่ตกลงมา และส่งเสียงร้องดังกังวาลเหมือนเสียงระฆังเงิน พร้อมทั้งบินหายไปทางทิศอุดร หลวงปู่ท่านได้เดินไปดู ก็พบว่าเป็นต้นโพธิ์ ต้นเล็กๆ 3 ต้นตกอยู่ จึงนำมาปลูกรวมกันไว้ในกระถาง แล้วนำดอกไม้แห้งมาใส่แทนดิน
เมื่อหลวงปู่สร้างวัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) ในปี พ.ศ.2532 ท่านจึงได้นำเอาต้นโพธิ์ตรัสรู้นี้มาปลูกเป็นต้นไม้ต้นแรก ณ ใจกลางวัด พร้อมทั้งอธิษฐานว่า
"ข้า.... ได้มีศรัทธาสร้างวัดนี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา บูชาพระมหา-โพธิสัตว์เจ้า บูชาพระอริยสงฆเจ้า บูชาคุณบิดามารดา บูชาคุณครูบาอาจารย์ หากการครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ ขอให้ต้นศรีมหาโพธิ์นี้จงเจริญเติบโตงอกงามด้วยดี หากมิสำเร็จขอให้ต้นโพธิ์นี้ มีอันเป็นไป ด้วยสัจจะอธิษฐานกาลครั้งนี้ เทพยดา อารักษ์ และฟ้าดินจงเป็นสักขีพยานด้วยเทอญ"
ทุกคนที่มาสู่สถานที่นี้ ให้ถือว่าต้นโพธิ์นี้เป็นเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องเคารพกราบไหว้ เปรียบดังเป็นตัวแทนของพระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ พระโพธิสัตว์ผู้มีเมตตาเหลือล้น และเป็นตัวแทนของผู้มีคุณ พร้อมทั้งเป็นตัวแทนของครูผู้ประเสริฐ ผู้ใดจะล่วงเกินและแสดงกิริยาไม่เคารพมิได้เด็ดขาด
พระธาตุหลวงปู่ทวด (ข้อนิ้วที่กลายเป็นทองแดง)
พระธาตุข้อนิ้วที่กลายเป็นทองแดงของหลวงปู่ทวด บรรจุอยู่ภายใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ พระธาตุนี้เป็นพระธาตุที่หลวงปู่พุทธอิสระท่านได้มาเมื่อครั้งที่ท่านไปธุดงค์ทางภาคใต้ ที่จังหวัดปัตตานี ภายในถ้ำตันหยง (อันเป็นถ้ำที่ ท่านหลวงปู่ทวดได้เข้าไปบำเพ็ญเพียร และไม่ปรากฏองค์ท่านกลับออกมาอีก) โดยหลวงปู่พุทธอิสระ ท่านนิมิตเห็นพระภิกษุชรา ผิวคล้ำ จมูกโด่ง หน้าละม้ายไปทางคนภาคใต้ มาบอกตำแหน่งของพระธาตุของหลวงปู่ทวด ซึ่งอยู่ในจอมปลวกให้ทราบ เมื่อหลวงปู่พุทธอิสระได้มาสร้างวัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) จึงได้นำพระธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้บรรจุภายใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ เพื่อเป็นที่สักการะบูชา
หลวงพ่อสุโขทัย พระศักดิ์สิทธิ์ อายุราว 700 ปี
ครั้งหนึ่งหลวงปู่พุทธอิสระ ได้เดินทางไปธุดงค์ทางภาคเหนือ ขณะที่อยู่ในถ้ำมหาโพธิ์สัตว์ ได้มีชีปะขาวท่านหนึ่งเข้ามานมัสการ และกราบอ้อนวอนขอถวายสิ่งของอันมีค่า ซึ่งอยู่ภายในจอมปลวกในถ้ำ หลวงปู่ได้ปฏิเสธไป และกล่าวว่าท่าน มิได้ธุดงค์เพื่อหาลาภสักการะ และไม่ยอมรับ ชีปะขาวท่านนั้นได้พยายามอ้อนวอนขอให้หลวงปู่รับไว้เพราะตัวเขาต้องเฝ้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่หลายร้อยปีแล้ว หลวงปู่จึงกล่าวว่าขณะนี้ท่านอยู่ในระหว่างธุดงค์ไม่สามารถนำไปด้วยได้ ท่าน ชีปะขาวจึงกล่าวว่า ขอเพียงหลวงปู่ยินยอมรับไว้เท่านั้น หน้าที่นำไปส่ง เขาจะเป็นคนทำหน้าที่เอง
หลังเสร็จกิจในการธุดงค์ หลวงปู่พุทธอิสระ ได้เดินทางกลับวัดอ้อน้อยฯ และได้พบว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นั้น ได้ปรากฏอยู่ที่หอพระกรรมฐาน แล้วสอบถามใคร ก็ไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นคนนำมา และนำมาตั้งแต่เมื่อไร จึงกลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ คู่บารมีของหลวงปู่พุทธอิสระนับแต่นั้นมา
น่าจะมีรูป 18 อรหันต์ทั้งหมดพร้อมคำอธิบายด้วยนะคะ ขอบคุรค่ะ
พระธาตุหลวงปู่ทวด (ข้อนิ้วที่กลายเป็นทองแดง)
ไม่น่าใช้คำว่า พระธาตุ เพราะ หลวงปู่ทวดไม่ใช่พระอรหันต์นะ เรียกว่า "กระดูกหลวงปู่ทวด" ตามที่หลวงปู่เรียกจะดีกว่า
พระธาตุ คือ กระดูกของพระอรหันต์ที่เข้ามรรคผลนิพพานแล้ว และ
พระสารีริกธาตุ คือ กระดูกพระพุทธเจ้า
กล่าวกันว่าท่านคือหลวงปู่โลกอุดรแบ่งชาติมาเกิด เท็จจริงแค่ไหนโปรดให้อภัย...โปรดให้อภัย
คนเราเกิดมา เดินก่อน หรือคลานก่อน คำสอนของหลวงปู่ทวดที่มีในพงศาวดาร
เมื่อคราวแก้ปัญหาของพราหม ทั้ง 7 ก่อนเรียง พระคาถา 84000 พระอักษร ทองคำ
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ มันแปลกดีนะ (อย่าใช้คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะประโยคโบราณเช่นนี้ทำให้เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการ
บล๊อกความคิดของคนรุ่นใหม่ๆจ้ะ
สนใจศรัทธา เลื่อมใส ธรรมะและเรื่องราวของหลวงพ่อมากค่ะ