กระแสเศรษฐกิจพอเพียงกำลังเป็นกระแสหลักของการพัฒนา แต่ระบบราชการส่วนใหญ่ก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้และแนวทางของการพัฒนาดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็ยังทำงนแบบฉาบฉวยเฉพาะหน้า ที่ไม่ทราบว่าจะได้ผลสักแค่ไหน ผมจึงอยากจะฝากความหวังในการพัฒนา Learning organization ของอาจารย์ประพนธ์ ให้เห็นผลในเร็ววันทันกับเหตุการณ์ได้ไหมครับ
ประเด็นใหญ่ของการพัฒนาที่เชื่องช้า ก็เนื่องจากระบบราชการยังติดกรอบกระแสเศรษฐกิจหลัก ทุนนิยม เน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ที่บางทีก็ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยังมีการใช้ชุดความรู้ที่ไม่ค่อยสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของชุมชน ดังที่ผมเคยขยายความไว้แล้วว่า ชาวบ้านปัจจุบัน มีปัญหาหลายด้าน เช่น ของใช้ก็ยังซื้อเงินผ่อน เงินที่ใช้ก็ยืมมา ทุนก็กู้ยืมมา มีบัญชีธนาคารก็มีไว้เพื่อสร้างเครดิตในการกู้ยืมหมุนเงินให้บัญชีดูสวย แม้กระทั่งที่ดินทรัพย์สินก็อาจติดจำนองหรือผ่อนอยู่ และยิ่งกว่านั้นยังเสพติดวิถีการดำรงชีวิตที่ฟุ่มเฟีอย อวดรวยกันอีกต่างหาก ทำเล่นๆฉาบฉวยไม่มีทางแก้ปัญหาได้หรอกครับ และยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาต้องทำให้เกิดผลการอุดรูรั่วต่างๆข้างต้น ไม่ไช่ไปทำให้เพิ่มรูรั่วให้มากหรือโตขึ้นกว่าเดิม
การพัฒนาจึงต้องเริ่มที่การพัฒนาอย่างจริงจัง ในแนวคิดของการดำรงชีวิต ให้ได้หลักปรัชญาของท่านในหลวง โดยเริ่มที่การรู้จักพอประมาณและมีเหตุผลในการใช้จ่าย และการสร้างภูมิคุ้มกันผลกระทบด้านต่างๆที่อาจมี และสุดท้ายก็รู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่น เพื่อจะได้สร้างฐานทางสังคมของตนเองให้เข้มแข็ง เป็นชีวิตที่มีความสุข ครอบครัวมีความสุข และสังคมที่มีความสุข ที่เป็นหลักของศาสนาพุทธ และศาสนาอื่นๆที่เน้นการทำให้คนมีทุกข์น้อย และอยู่ร่วมกันได้ดี
ผมไม่แน่ใจว่าจะเริ่มตรงไหน แต่การเริ่มที่ตัวข้าราชการเอง โดยทำตัวให้เป็นตัวอย่าง สร้างความรู้ให้เป็นครูต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับชาวบ้านได้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่สำคัญในการทำให้คนอื่นเชื่อและทำตาม โดยใช้ชุดความรู้ที่สามารถปฏิบัติได้ทั่วไป ลงทุนน้อย และมีการจัดการความรู้ไปพร้อมกัน เพื่อให้ทุกคนเรียนรู้เพื่อตนเอง ไม่ต้องรอให้ใครสอนตลอดเวลา
พอมาประเด็นนี้ข้าราชการคงต้องพัฒนาตัวเองก่อนกระมังครับ จึงจะพัฒนาคนอื่นได้จริง และไม่อายใคร พูดจริง ทำจริงซะอย่าง น่าจะได้ผลนะครับ เลิกพูดเล่นทำเล่นเถอะครับ ประเทศชาติกำลังจะล่มจมอยู่แล้ว ผลกรรมก็ตกกับลูกหลานเราเองนั่นแหละ ไม่ใช่ใครอื่นหรอก