เหตุผลที่นำเรื่องราวของตัวเองมาเขียนลงในblog นั้นเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อท่านที่ต้องการคำตอบ ต้องการเพื่อนที่ต้องเผชิญกับสิ่งใหม่ๆที่ก้าวเข้ามาในชีวิตโดยไม่สามารถปฏิเสธมันได้(โรคภัยไข้เจ็บ) เพราะคนเราไม่เหมือนกันดังนั้นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นในแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างง่ายๆบางคนชอบในรสชาติของทุเรียน(รวมถึงกลิ่นด้วย)แต่บางคนแค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวแท่บจะอาเจียน ดังนั้นยาตัวเดียวกันผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันขอได้โปรดเข้าใจ(ผู้ป่วยและผู้เกือบป่วย) ไว้ ณ โอกาสนี้ ด้วยนะเจ้าค่ะ
วันที่สองของการกินยา เช้านี้ตื่นมาคอแห้งมากๆส่องกระจกพบว่า หน้าเหลืองขึ้น แต่น้ำลายไม่เหลือง ตัว(ผิวกาย)รู้สึกสีผิวจะเข้มขึ้น คันตามผิวหนังลักษณะเป็นเม็ดผื่นคันเล็กๆคล้ายผด ปัสสาวะสีแดงปนเหลืองเข้มจัดเหมือนเดิม ร้อนภายในร่างกาย(ไม่มีเหงื่อออก)
วันที่สามของการกินยา เพลียจังวันนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ( ปกติเมื่อสวดมนต์เสร็จก็หลับสลบเลย ) มันครั่นเนื้อครั่นตัว คัน ปวดเมื่อยตามตัว เช้าตื่นมาเลยไม่ค่อยแจ่มใส คิดว่าจะนำงานที่ค้างไว้มาทำต้องล้มเลิก แล้วนอนพัก <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ไม่รู้ว่าคนอื่นกินยาแล้วเป็นยังไงกันบ้าง แต่ตัวเองมีอาการหลงลืมชั่วขณะ เช่น คุณหมอรุจนีโทรมาคุยเรื่องประชุม 2 เรื่อง ขณะกำลังสนทนา พยายามนึกถึงเรื่องแรกที่คุณหมอพูดเมื่อสักครู่ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจนเงียบไป คุณหมอต้องถามว่ากำลังพักอยู่หรือเปล่า รบกวนหรือเปล่า </p><p> อีกตัวอย่างหนึ่งจะพิมพ์ชื่อวัดพอมือจะกดแป้นพิมพ์ จำชื่อวัดไม่ได้ เฉยเลย ( ทั้งสองตัวอย่างไม่ได้เกิดหลังตื่นนอนนะจ๊ะ) </p><p> อ้อเกือบลืม! อาการแสบขัดทุกครั้งหลังหลังปัสสาวะ ยังไม่ได้ถามใครคิดเองว่าอาจไม่เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเพราะในตำราไม่ได้บอกไว้ พอดีได้พูดคุยกับพี่จิ๋มอารมณ์ จึงทราบว่าพี่จิ๋มเคยกินยา ไรแฟมก็มีอาการแบบนี้ในช่วงแรกๆ เฮ้อ! เพิ่มมาอีกหนึ่งแล้วผลข้างเคียงของยา</p><p> ”วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะค่ะ พรุ่งนี้จะนำมาเล่าอีกยังไม่หมดหรอกค่ะเรื่องเล่ามีอีกเยอะ ” ”หน่อย” </p>
....ขอเป็นกำลังใจให้พี่หน่อยอีก 2 คนนะค่ะ สู้..สู้..ค่ะ อีกไม่กี่วันก็ได้หยุดกินยา TB แล้ว พอหยุดกินยาแล้วเดี๋ยวพี่หน่อยก็จะสวยเหมือนเดิมนะค่ะ..สวยอยู่แล้วนิ๊ค่ะ คนสวยต้องสู้ จริงมั๊ยค่ะ
ขอบคุณหลายๆเด้อค่ะเด้อ....ยังค่ะยังต้องกินยาอีกจนกว่าจะครบ 6 เดือน