เมื่อเดือนก่อนผมได้มีโอกาสพบกับรุ่นพี่ที่สนิทกันมาก คือคุณหมอวัชรา ทรัพย์สุวรรณ ได้คุยกันหลายเรื่อง ช่วงหนึ่งท่านบอกว่าได้ไปไต้หวันมา เพื่อไปดูงานของ มูลนิธิพุทธฉือจี้ ผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย พี่วัชราบอกว่าเป็นมูลนิธิการกุศลที่ใหญ่มาก ก่อตั้งโดย ท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเหยียน มีภารกิจในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้านต่าง ๆ
ที่โรงพยาบาลของ ฉือจี้ เป็นโรงพยาบาลที่สร้างจิตวิญาณการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ " The mission to be a human doctor " เวลาเข้าไปในโรงพยาบาล สามารถสัมผัสถึงความเมตตา และ ความสงบ การช่วยเหลือ อย่างแท้จริง ไม่เหมือนโรงพยาบาล ในบ้านเรา ผมมีความยินดีที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราว ว่ายังมี การดูแลความทุกข์ จากความเจ็บป่วย มีโรงพยาบาล ที่เราอยากเห็นอยู่จริง
และด้วยความบังเอิญ 2 วันต่อมาผมเข้าห้องสมุด ได้เห็นหน้าปก วารสาร โรงพยาบาลชุมชน ฉบับ พค- มิย. 2549 เป็นเรื่องราวของ ฉือจี้ ได้อ่านบทความของ คุณหมอ อำพล จินดาวัฒนะ ได้ทราบเรื่องราวเต็มอิ่มจริง ๆ เรื่องที่ประทับใจอยากเล่าในวันนี้ มีตอนหนึ่ง ว่า อาจารย์ใหญ่ ( ผู้ที่บริจาคร่างกาย ด้วยความศรัทธา ให้นักศึกษาแพทย์ได้ผ่าศพ ด้วยหวังว่าจะได้แพทย์ที่ดีในวันข้างหน้า ) ท่านหนึ่งฝาก คำพูดก่อนเสียชีวิต เป็น VCD ให้นักศึกษาแพทย์ ได้ดูก่อนศึกษาวิชากายวิภาค ว่า " นักศึกษาแพทย์จะกรีด ผ่าศพ ของเราผิดพลาดสักกี่ร้อย ครั้งก็ไม่เป็นไร เราอนุญาตให้ทำได้เต็มที่ แต่เมื่อจบไปเป็นแพทย์แล้ว ห้ามกรีดผ่าตัดใครผิดแม้แต่ครั้งเดียว " ท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้ บอกว่า " อาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ แต่ละคน จะมี 2 คน คือ คนหนึ่งเป็นศพที่ตายไปแล้ว แต่อีกคนหนึ่งจะอยู่ ในหัวใจของนักศึกษาแพทย์ตลอดไป "
ตอนผมอยู่ปี 2 เรียนกายวิภาค ที่ศิริราช วันหนึ่งแม่ผม ถามว่า อาจารย์ใหญ่ของผมชื่ออะไร ผมตอบว่า หลวงพ่อบัญชา อปมโห แม่บอกว่าให้ จำชื่อไว้ให้ดี เวลาทำบุญให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ท่านด้วย แม่ผมก็บริจาคร่างกายไว้ที่ศิริราช ท่านคงเข้าใจดีว่าผู้ที่บริจาคร่างกาย มีความรู้สึกอย่างไร อยากให้ร่างกายเป็นประโยชน์ในภายหน้าอย่างไร เราเองก็ควรซาบซึ้งในบุญคุณ ของท่านอาจารย์ใหญ่ สมกับศรัทธาที่ตั้งใจ มาถึงวันนี้ ผมยังจำได้ว่าอาจารย์ใหญ่ของผม ชื่อหลวงพ่อบัญชา อปมโห แม้เวลาจะผ่านมา 16 ปีแล้วก็ตาม
หมายเหตุ : เมื่อวันก่อนผมมีโอกาสทำแผนยุทธศาสตร์ ของทีมพัฒนา pcu ของ CUP รพ.วารินชำราบ ที่ผมเป็นประธาน พันธกิจข้อแรกของเราก็คือ The mission to be a human doctor
ซึ่ง doctor ก็คือเจ้าหน้าที่ PCU ทุกคน ผมสังเกตุว่า ผู้เข้าประชุมทุกคนมีความสุข เวลาพูดถึง การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ pcu วันนี้ ต่างกับ สอ. สมัยก่อนอย่างมาก มีศักยภาพ มากทีเดียว ผมยังมองว่า pcu หลายแห่งยังขาดโอกาส ทั้งที่มีความสามารถ เราต้องให้โอกาส และสร้างโอกาส ให้ pcu มาก ๆ
เพราะ Ability without opportunity mean nothing. ความสามารถ ที่ปราศจากโอกาส ย่อมไร้ความหมาย
วันหลังผมจะเล่าว่า ผมมาเป็นแพทย์ใน PCU ได้อย่างไร
ไม่มีความเห็น