นึกถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม
เวลา 6 สัปดาห์ผ่านไปเหมือนมีปีกบิน !
ผมเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 โดยไม่คาดคิด คาดฝัน หรือประสงค์อยากมาเป็น แต่ด้วยสถานการณ์พิเศษและด้วยเงื่อนไขที่มีเหตุผล จึงรับมาทำหน้าที่นี้
การรับทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการะทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำให้ผมนึกถึง “ญาติมิตรพัฒนาสังคม” คือ ผู้คนทั้งหลายที่มีบทบาทและมีความเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาและพัฒนา พัฒนาสังคมสังคมพร้อมกับการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์หรือความมั่นคงทางชีวิต อันถือเป็นภารกิจของกระทรวงนี้
“ญาติมิตรพัฒนาสังคม” ในความคิดของผมประกอบด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงหรือในสังกัดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นั่นคือข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่สังกัดสำนักงานรัฐมนตรี (สร.) สำนักงานปลัดกระทรวง (สป.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)
แต่พร้อมกันนั้น ผมยังถือว่า “ญาติมิตรพัฒนาสังคม” ย่อมรวมถึงบุคคล กลุ่มคน องค์กร หน่วยงาน เครือข่าย อีกมากมาย ที่มีบทบาทหรือมีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม
นั่นคือ รวมถึง ชุมชนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนภูมิภาค ภาคประชาสังคมในระดับต่างๆ ภาคธุรกิจในระดับต่างๆ ภาครัฐและส่วนกลาง ฝ่ายการเมือง ฝายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ และประชาชนทั่วไป
ดังนั้น ถ้าจะถือว่า “ญาติมิตรพัฒนาสังคม” นั้น รวมถึงทุกคนทุกฝ่ายทุกภาคส่วน ทุกระดับ ทุกพื้นที่ ในสังคมไทยก็น่าจะได้
ความ “นึกถึง” ของผม หมายความว่า “อยากสื่อสารด้วย” ผมจึงเขียนจดหมายฉบับนี้ เริ่มฉบับที่ 1 และจะเขียนต่อๆ ไปเป็นระยะๆ ลงใน Weblog : paiboon.gotoknow.org และจะเปิดดูได้จาก www.m-society.go.th อีกด้วย
หาก “ญาติมิตร” ผู้ใดประสงค์จะสื่อสารกับผม ก็ทำได้ผ่าน Weblog ดังกล่าว หรือผ่านช่องทางอื่นๆ ที่สะดวก ผมจะพยายามรับรู้การสื่อสารของ “ญาติมิตร” ให้ได้ในระดับที่เหมาะควรและเป็นไปได้ แต่คงไม่สามารถสื่อสารตอบกลับเป็นรายบุคคลได้ ที่พอทำได้คือการสื่อสารตอบกลับโดยรวมๆ เป็นระยะๆ
รัฐมนตรีควรเน้นการคิดค้นและขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์เป็นสำคัญ
ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ได้มีผู้อาวุโสและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คำแนะนำว่า รัฐมนตรีต้องทำงานเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์เป็นหลัก ไม่ควรใช้เวลาไปกับการทำพิธีต่างๆ การรับแขกส่งแขก และแม้แต่การแก้ปัญหาปลีกย่อยทั้งหลายให้มากเกินไป หรือควรทำให้เรื่องเหล่านั้นให้น้อยที่สุดนั่นเอง เพื่อจะได้มีเวลามากพอสำหรับทำเรื่องสำคัญ ซึ่งมีประโยชน์และมีคุณค่าอย่างมากและอย่างแท้จริงต่อประชาชนและต่อประเทศชาติโดยรวม (คำแนะนำนี้ตรงกันกับความคิดของผมเองโดยผมได้เคยให้ความเห็นทำนองเดียวกันหลายครั้งในช่วงเวลาที่ผมเป็นนักพัฒนาสังคมอิสระ)
เรื่องสำคัญ ที่กล่าวถึงนั้น สำหรับกระทรวงที่ผมรับผิดชอบ คือการคิดค้นและขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาสังคมและเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ นั่นเอง
ดังนั้น นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีผมจึงได้ใช้ความพยายามร่วมกับทีมงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกกระทรวงฯ อีกจำนวนมาก ในการคิดค้นและขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์
ซึ่งได้สรุปเป็น “ภารกิจสำคัญ” ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะมุ่งดำเนินการ ดังนี้
1. “ภารกิจเร่งด่วน” มี 4 ด้าน
1.1 การร่วมบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพัฒนาอันสืบเนื่องจากอุทกภัยครั้งใหญ่
1.2 การร่วมคลี่คลายปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
1.3 การร่วมแก้ปัญหาความแตกแยกพร้อมกับการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย
1.4 การร่วมแก้ปัญหาความทุจริตพร้อมกับการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงานภาครัฐ
2. “ภารกิจหลัก” ประกอบด้วย “3 ยุทธศาสตร์สังคมแห่งชาติ” ดังนี้
2.1 ยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกัน (ช่วยเหลือเกื้อกูลและดูแลกัน)
2.2 ยุทธศาสตร์สังคมเข้มแข็ง (ชุมชนท้องถิ่นและประชาสังคมเข้มแข็ง)
2.3 ยุทธศาสตร์สังคมคุณธรรม (มีความถูกต้องเป็นธรรมและดีงาม)
3. “ภารกิจสนับสนุน” ได้แก่
3.1 การพัฒนาองค์กรและระบบสนับสนุนที่อยู่ในสังกัดกระทรวงและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
3.2 การร่วมพัฒนาองค์กรและระบบสนับสนุนที่อยู่นอกสังกัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
แผนภารกิจและมาตรการสำคัญ (Roadmap) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
ภารกิจทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นจะปรากฏอยู่ใน “แผนภารกิจและมาตรการสำคัญ” (Roadmap) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยจะมีรายละเอียดของภารกิจแต่ละหมวดในรูปของมาตรการสำคัญต่างๆ ที่ระบุลักษณะของ มาตรการ เป้าหมาย กำหนดเวลา และผู้รับผิดชอบหลัก
“แผนภารกิจและมาตรการสำคัญ” (Roadmap) นี้จะเปิดเผยต่อผู้เกี่ยวข้องและต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องและสาธารณะได้รับทราบและมีโอกาสได้ร่วมคิดร่วมดำเนินการด้วยในลักษณะ “พหุปฏิสัมพันธ์”
ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป “แผนภารกิจและมาตรการสำคัญ” (Roadmap) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนปฏิรูปสังคม” ที่ระบุในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 จะมีการปรับปรุงเปลี่ยน แปลงเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในรายละเอียดตามเหตุตามผลอันเนื่องจากสถานการณ์ที่เคลื่อนตัวไปพร้อมๆกับ “พหุปฏิสัมพันธ์” ของผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
สอดคล้องกับหลักคิดของผมที่ว่า “จะปฏิรูปสังคมต้องให้สังคมร่วมปฏิรูป จะพัฒนาสังคมต้องให้สังคมร่วมพัฒนา”
สวัสดีครับ
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม" อาจารย์ยังขาด 3 กรม นะครับ ญาติมิตรอาจารย์
1. กรมการพัฒนาชุมชน
2. สาธารณะสุข
3.กรมส่งเสริมการเกษตร
และวิชาการเกษตร
เรียนอาจารย์ทราบ
ผมได้มีโอกาส เข้าพบอาจารย์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 49
ในส่วนของ คนไร้บ้าน เสนอ ข้อคิดเห็น ไปก็มาก ตอนนี้รอ งบสนับสนุน จาก กระทรวงเพียงอย่างเดียว งานก็ คงเดินหน้าได้มากกว่านี้ ครับ
นที อนุกานนท์
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ไพบูลย์...
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลเจตนาของท่านอาจารย์ และคณะรัฐบาลผู้พลิกฟื้น กอบกู้บ้านเมืองของเราทุกท่าน... สาธุ สาธุ สาธุ
เรียน ท่านอาจารย์ครับ
ผมว่าตอนนี้การทำงานต่างๆเหมือนทำอะไรในปีนี้แล้วส่งผลถึงอีกสิบสิบปีข้างหน้าซึ่งเป็นงานที่ยากยิ่ง
ถึงแม้ว่าการทำงานต่างๆที่ประดังเข้าแต่ดูเหมือนปัญหาเรื่องการสื่อสารให้สังคมรู้ และมีส่วนร่วมด้วยนั้นอาจไม่เห็นเท่าที่ควร ไม่ใช่ไม่มีเรื่องที่อยากให้เห็น แต่เรื่องที่สังคมอยากเห็นบางทีต้องการความมีส่วนร่วมหรือตัวตนในระดับหนึ่ง การสื่อสารกับคนส่วนใหญ่นั้นต้องถือความง่าย ธรรมดา และโดน ซึ่งความเรียบง่ายและธรรมดานั้นผมขอนอบน้อมอาจารย์ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต แต่เหมือนมันยังไม่โดน ในมุมมองคนรุ่นใหม่ หรือบางทีแนวคิดการช่วยเหลือผู้ถูกทอดทิ้งทำให้เราเริ่มรู้สึกแบ่งแยกผู้ถูกทอดทิ้งในใจเรา ตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ตอนแรกรู้สึกอย่างนั้นนะครับยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่ดีมาก อาจเป็นเรื่องการสือออกไปมากกว่า ครับ
กราบขอโทษถ้าเขียนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซึ่งเรื่องทั้งหมดอาจมีผู้ดำเนินการอยู่แล้ว
ผมจะพยายามนำจิต กาย ใจ อาสาช่วยอาจารย์ในกาละและเทศะต่างๆครับผม
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
เด็กน้อย วินย์ เมฆไตรภพ
TRN, under TRRM