ป้าบัวและปัญหาความไร้สัญชาติของคนในชุมชนเปียงหลวง


ความไร้สัญชาติของคนในชุมชนเปียงหลวง
ป้าบัวและปัญหาความไร้สัญชาติของคนในชุมชนเปียงหลวง[1]โดย นางสาวลืนหอม สายฟ้า[2]เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2549---------------------------------------------------          จากที่ได้เข้าไปคุยกับแกนนำชุมชน หรือผู้นำที่ได้รับผิดชอบเรื่องสัญชาติโดยตรง แกนนำนี้คือ ครูโม๋ เงินหอม หรือ เรียกว่า ป้าบัว  ป้าบัวถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของชุมชน เนื่องจากความคืบหน้าต่างๆ ในเรื่องการยื่นคำร้องขอมีสถานะและขอมีสัญชาติไทยนั้น ป้าบัวเป็นแกนนำลุกขึ้นต่อสู้กับปัญหาที่คาราคาซัง ของการยื่นคำร้องที่ส่วนกลางเข้ามาเป็นดำเนินการรับคำร้องเอง ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 แต่นานนับปีเรื่องการยื่นคำร้องนั้นก็เงียบ และไม่ไปถึงไหน ยังคงอยู่ที่ใดที่หนึ่งในอำเภอเวียงแหง อีกทั้งปัญหาต่างๆที่ตามมาเมื่อลูกหลานในชุมชนต้องการเรียนต่อ แต่ไม่เรียนต่อเพราะเข้าใจว่าเรียนจบไปก็ไม่ได้งานที่ตนเองจบมา เพราะไม่มีสัญชาติไทย โอกาสและสิทธิต่างๆ นั้นดูเหมือนจะเลือนรางสำหรับเด็กกลุ่มนี้เหลือเกิน ป้าบัวและผู้ใหญ่ในชุมชนเห็นว่าจะนิ่งเฉยไม่ได้ จึงเริ่มตามเรื่องว่าคำร้องที่ได้ทำไปนั้นอยู่ที่ไหน เมื่อรู้เวลาอยู่ที่ไหน ก็ชุมชนไปเก็บรวบรวมเอกสารเหล่านั้นจนครบ และทำตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยแต่ละขั้นตอนนั้น ป้าบัวก็จะบอกชุมชนว่าต้องทำอย่างไร โดยทุ่มเทแรงกายและแรงใจกับเรื่องนี้อยู่นานหลายเดือน กว่าที่คำร้องดังกล่าวจะผ่านจากส่วนอำเภอ แล้วไปถึงส่วนจังหวัด ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่จะส่งให้หรือไม่นั้น ป้าบัวและคนในชุมชนบางคนก็ได้ติดตามไปดูด้วยช่วงเวลานั้นเองทำให้ชุมชนเริ่มรู้ว่าต้องทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าเอกสารของตนยังไม่คืบหน้า ซึ่งป้าบัวถือได้ว่าเป็นคนที่คอยกระตุ้นให้คนในชุมชนหาเอกสารและเตรียมเอกสารให้พร้อม 

ผลจากความตั้งใจและทุ่มเทแรงกายแรงใจนี่เอง ทำให้เรื่องผ่านไปถึงส่วนจังหวัดและไปถึงส่วนกลางในที่สุด และมีบางส่วนก็ได้รับการอนุมัติให้สถานะแล้ว

จากที่ได้คุยกับป้าบัวและคนในชุมชนบางกลุ่ม พวกเขาก็เห็นเห็นด้วยว่ามีความสำคัญยิ่งที่จะมีทีมงานเข้าไปในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้กฎหมายและเกี่ยวกับสิทธิของตัวเองที่พวกเขาควรจะได้รับรู้บ้าง แทนที่จะชุมชนจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ด้วยการที่เยาวชนไม่ได้เรียนหนังสือแล้วไปทำงานรับจ้างทั่วไป ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆนั้นตามมาอีกมากมาย และควรจะทำให้วงจรหรือวัฏจักรของการไม่มีสัญชาติไทยนั้นมีเรื่อยๆจากรุ่นสู่รุ่น  แม้ว่ารุ่นปู่ ย่า ตา ยาย จะปลกได้กับการไม่มี แต่ก็เห็นว่า รุ่นลูกหลานต่อไปนั้นควนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งจะเริ่มแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ว่าทำไมถึงไม่ได้สัญชาติไทย ทั้งๆ ที่มีบรรพบุรุษอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยมาไม่น้อยกว่า 30-40 ปีแล้ว          แม้ป้าบัวจะทำเรื่องนี้มาตลอด ก็ยังไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมายของสัญชาติเท่าไรนัก ป้าบัวหยิบทะเบียนปะวัติและสูติบัตรของชายมาให้ดู พบว่าเลขปะจำตัว 13 หลักของลูกชายนั้น เดิมขึ้นต้นด้วย เลข 7 ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุตรของบุคคลของคนเลข 6 ซึ่งเกิดในปะเทศไทย ถูกขีดทิ้งแล้วมีการให้เลขใหม่ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 6 เหมือนป้าบัว ที่ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเหมือนกัน ปัญหานี่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะลูกของป้าบัว ยังพบว่าหลายครอบครัวก็เจอปัญหาเดียวกัน          แต่พวกเขาไม่รู้ว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร และไม่รู้ว่า ปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาคืออะไร และข้าพเจ้าก็คิดว่า ปัญหาที่เกิดจากความไม่รู้นี่เอง น่าจะเป็นที่มาของปัญหาที่ตามมาเกือบทั้งหมด------------------------------------------------------------

 



[1] เป็นงานเขียนที่โครงการวิจัยเพื่อการพัฒนา มสช. ผลักดันให้เจ้าของปัญหาร่วมวิจัยปัญหาของตนเองและเขียนงานวิจัยนั้นขึ้นเพื่อบอกกล่าวต่อสังคม

[2] ผู้เขียนเป็นคนไร้สัญชาติในขณะที่เขียนงานฉบับนี้ แต่ในวันนี้ ผู้เขียนได้รับสัญชาติไทยแล้วโดยคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 
หมายเลขบันทึก: 61035เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2006 13:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เขียนดีจ๊ะ

จะเป็นทนายความที่ดี เพราะคิดเป็น แต่ต้องฝึกฝน

ขอบคุณคะ ยังต้องฝึกอีกเยอะมากคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท