ในการประชุมจิตวิวัฒน์ครั้งที่ ๒๖ ณ ห้องประชุมมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ที่ผ่านมา ผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเรื่องราวจากหนังสือ Essential Spirituality (John Wiley & Sons, Inc. 1999) ของ โรเจอร์ วอลช์ (Roger Walsh, M.D., Ph.D.) มาเล่าให้ฟัง
ผู้เขียน คือ ดร.วอลช์ ศาสตราจารย์ด้านจิตแพทย์ ปรัชญา และมานุษยวิทยา จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กล่าวถึงคุณสมบัติ ๗ ประการของ Essential Spirituality หรือแก่นแท้ทางจิตวิญญาณที่ปรากฏอยู่ร่วมกันในศาสนาหลักๆของโลก ๗ ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ อิสลาม ยิว ฮินดู เต๋า และขงจื๊อ ว่าประกอบด้วย ความกรุณา ความรัก ความปิติสุข ความสงบ การมองเห็นทางจิตวิญญาณ ปัญญา และการช่วยเหลือผู้อื่น
ดร.วอลช์
สรุปแก่นแท้ทางจิตวิญญาณผ่านประสบการณ์การค้นหาและการปฏิบัติของตนเอง
จากเดิมที่เขาเติบโตมาในสายของนักวิทยาศาสตร์กระแสหลักที่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์คือพระเจ้า
แล้วจึงเข้าสู่การศึกษาเรื่องภายในจิตใจตนเอง
และได้พบสิ่งที่ไม่เคยตระหนักรู้มาก่อน
ว่าโลกภายในของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ซับซ้อนไม่แพ้จักรวาลภายนอกที่มีผู้อธิบายไว้แล้วอย่างเป็นระบบ
แต่คนส่วนใหญ่กลับมืดบอดต่อโลกภายใน
ทั้งๆที่เรื่องราวเหล่านั้นทำให้มนุษย์เข้าใจตนเอง
และสามารถค้นพบแนวทางดำเนินชีวิตอันประมาณค่ามิได้
ดร.วอลช์ เริ่มทดลองฝึกสมาธิหลายแนวทาง
โดยเฉพาะการทำสมาธิตามแบบพุทธศาสนา
และพบว่าการทำสมาธิเป็นหนทางที่มีพลังมากสำหรับการฝึกจิตและการพัฒนาคุณภาพของชีวิตด้านใน
เนื่องจากทำให้สามารถตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของจิต
และทำให้จิตว่องไวในการตระหนักรู้ตนเอง
จากนั้นเขาใช้เวลาอีกสองสามปีเดินทางไปในโลกกว้าง
เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนกับนักเทววิทยาและนักปรัชญาทั้งในศาสนาหลักและศาสนาโบราณของโลกอย่างกระหายหิว
ก่อนกลับไปสำรวจความเชื่อพื้นฐานของตนในศาสนาคริสต์
และสามารถเข้าถึงปัญญาอันลุ่มลึกในคำสอนของคริสตศาสนาที่ได้รับการค้นพบและถ่ายทอดมาแล้วกว่าสองพันปี
ดร.วอลช์ ค้นพบวิถีปฏิบัติร่วมกันของศาสนาต่างๆ
ที่เป็นแนวทางสำหรับการฝึกฝนเพื่อนำพาตนเองเข้าสู่แก่นแท้ทางจิตวิญญาณ
หรืออีกนัยหนึ่ง
เป็นแนวทางสำหรับบ่มเพาะคุณสมบัติทางจิตวิญญาณให้งอกงามขึ้นในตัวเรา
คือ ความกรุณา ความรัก ความปิติสุข ความสงบ การมองเห็นทางจิตวิญญาณ
ปัญญา และการช่วยเหลือผู้อื่น วิถีปฏิบัติ ๗ ประการนี้ได้แก่
๑. เปลี่ยนแรงจูงใจ
โดยการลดกิเลส และค้นพบความต้องการทางจิตวิญญาณของตนเอง
๒.
บ่มเพาะปัญญาทางอารมณ์ให้งอกงาม
โดยการเยียวยาจิตใจจากความกลัวและความโกรธ และเรียนรู้ที่จะรัก
๓. ปฏิบัติชอบ
การทำดีจะทำให้รู้สึกดี
๔. มีจิตใจสงบ
ตั้งมั่น
๕. เปิดดวงตาแห่งจิตวิญญาณ
ทำให้สามารถตระหนักชัดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสรรพสิ่ง
๖. บ่มเพาะความฉลาดทางจิตวิญญาณ
เพื่อพัฒนาปัญญาและความเข้าใจชีวิต
๗. เผยจิตวิญญาณสู่การกระทำ
โดยเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น
และทำงานบริการสาธารณะอย่างมีความสุข
หนังสือเล่มนี้พาเราเข้าสู่วิถีปฏิบัติทั้ง ๗ ประการเรียงตามลำดับ
ผ่านแบบฝึกหัดง่ายๆจำนวนมากที่สามารถฝึกทำได้จริงในชีวิตประจำวัน
แบบฝึกหัดบางอย่างมาจากคำสอนโบราณ
และหลายอย่างได้จากการที่ดร.วอลช์ออกแบบและทดลองใช้ได้ผลจริงมาแล้วทั้งกับตนเอง
นักศึกษา และคนไข้ ทำให้เราค่อยๆเดินทางเข้าสู่พื้นที่ด้านในของตนเอง
จากส่วนที่สัมผัสได้ง่ายกว่า เช่น กิเลส
หรือการจัดการกับความกลัวและความโกรธ
พร้อมๆกับให้ได้รู้จักกับด้านบวกของสิ่งเหล่านั้น เช่น ความรัก
และความต้องการทางจิตวิญญาณ จากนั้นจึงค่อยๆเข้าสู่แก่นที่ลึกขึ้น
สู่ปัญญา และการเข้าใจชีวิตทั้งมวล
แล้วจึงคลี่คลายคุณภาพใหม่ที่เกิดขึ้นภายในตน
ออกไปสู่ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกับผู้อื่นและโลก
แบบฝึกหัดเหล่านี้แนะนำวิธีทำเป็นขั้นตอนไว้อย่างละเอียด
และที่สำคัญคือมีการแนะนำวิธีฝึกสังเกตตนเอง
ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ความรู้สึก ความคิด
และสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเองจากการทำแบบฝึกหัดแต่ละอย่าง
โดยมีตัวช่วยคือให้บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นไว้ด้วย
ตัวอย่างแบบฝึกหัดสำหรับวิถีแห่งการปฏิบัติชอบ เช่น
ให้คิดถึงการทำดีที่ผ่านมาของตนเอง พูดความจริง ๑ วัน หยุดนินทา
ไม่ใช้ความรุนแรง เล่าความรู้สึกที่ทำไม่ดีให้คนที่เราไว้วางใจฟัง
และแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกต้อง
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้เริ่มปฏิบัติเพื่อไปสู่สิ่งที่ดร.วอลช์
เรียกว่า “ความเปลี่ยนแปลงอันท้าทาย” ของชีวิต
เขาบอกหลักของการทำแบบฝึกหัดแต่ละอย่างไว้ว่า
ให้เริ่มต้นเลือกสิ่งที่ทำได้ง่ายๆก่อน ตัดสินใจว่าจะทำนานเท่าไหร่
และตั้งใจทำให้ได้โดยไม่มีข้อแม้
ระหว่างนั้นให้สังเกตและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นขณะฝึก
ทั้งสิ่งที่เกิดกับตัวเราและคนรอบข้าง
หากเกิดความผิดพลาดก็ให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นใหม่ เขาบอกด้วยว่า
การไตร่ตรองและจดบันทึกประจำวันถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องราวของชีวิตด้านในจะช่วยได้มาก
โดยมีเคล็ดลับในการฝึกทางจิตวิญญาณที่สำคัญคือ
จงปฏิบัติอย่างมีความสุข
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาก็คือ การลงมือ “ทำ”
แบบฝึกหัดเหล่านี้
ผู้สนใจสามารถยืมหนังสือ Essential Spirituality ได้ที่
ห้องสมุดประชาชนแสงอรุณ ซอยสาธร ๑๐ ถนนสาธรเหนือ เขตบางรัก กรุงเทพฯ
โทร. ๐-๒๒๓๗-๐๐๘๐ ต่อ ๑๐๑ หรือสอบถามที่กลุ่มจิตวิวัฒน์ www.jitwiwat.org โทร. ๐-๒๕๑๑-๕๘๕๕
ต่อ ๑๒๙ อีเมล [email protected]
ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆ ที่แนะนำคะ น่าสนใจมากคะ
ดิฉันเข้ามาที่บล็อกนี้ แล้วพบว่าคุณจารุปภาอาจจะมีปัญหากับการใส่รูปถ่ายลงในบล็อก จึงขอแนะนำให้อ่านบันทึกนี้คะ http://gotoknow.org/archive/2005/08/12/00/20/50/e2414
ขอบคุณคุณจันทวรรณมากๆค่ะสำหรับการดูแล จัดการได้เรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะรูปเก่าที่เซฟไว้ไซส์ใหญ่เกินไป (มาก) ค่ะ เลยไม่โผล่มาในบล็อก
ขอบคุณค่ะ :)