เห็นรัฐบาลนี้ประกาศนโยบายเรื่อง "คุณธรรมนำความรู้" ทำให้นึกถึงการจัดการศึกษาที่ผ่านมาเรามักมีปรัชญากันว่า "ความรู้คู่คุณธรรม" หรือ "เก่งดีมีสุข" ซึ่งเรามักใช้คำว่า "ความรู้" มาก่อน เลยทำให้สังคมมุ่งแต่ความเก่งแต่ย่อหย่อนด้านคุณธรรมลงไปมาก คราวนี้เขาเลยจัดลำดับให้เรื่องคุณธรรมมาก่อนเสียเลย เผื่อจะได้ใส่ใจกันมากขึ้นกระมัง
พอพูดถึงเรื่องนี้ก็อยากจะเล่านิทานสักเรื่อง
กาลครั้งหนึ่งมีแมลงป่องตัวหนึ่งอาศัยอยู่ฝั่งแม่น้ำที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ทุกวันมันจะเฝ้ามองฝั่งแม่น้ำตรงข้ามที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์กว่า โดยมีเป้าหมายว่า สักวันมันคงมีโอกาสได้ข้ามไปอาศัยทำมาหากินอยู่ในฟากฝั่งโน้น
แมลงป่องไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะข้ามไปฝั่งโน้นได้ เพราะตนเองไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของแมลงป่อง จึงคิดกลวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพยายามไปผูกมิตรกับสัตว์น้ำที่ชายฝั่ง ซึ่งคาดว่าจะพาตนไปได้ แต่สัตว์ต่าง ๆ เห็นแมลงป่องก็ไม่อยากคบด้วย เพราะกลัวพิษภัยจะมาถึงตัว
แมลงป่องไม่ละความพยายาม วันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปผูกมิตรกับเต่า และใช้คารมหวาน พูดจาหว่านล้อมจนเต่าใจอ่อนที่จะพาไปส่งฝั่งตรงข้าม แต่เต่าก็ไม่วายที่จะหวาดกลัว จึงขอคำมั่นสัญญาจากแมลงป่องว่า
“ใครใครก็กลัวท่านเพราะท่านมีพิษสงรอบตัว จะมีหลักประกันได้อย่างไรว่าเมื่อส่งท่านถึงฝั่งแล้วท่านจะไม่ทำร้ายเรา”
“ใครจะทำร้ายผู้มีพระคุณได้ลงคอ เราขอสัญญาว่าเราจะไม่ทำร้ายท่านเด็ดขาด”
เมื่อเต่าวางใจแล้ว จึงให้แมลงป่องขี่บนหลังแล้วพาว่ายน้ำข้ามมาที่ฝั่งตรงข้าม
เมื่อถึงจุดหมายก่อนที่แมลงป่องจะก้าวขึ้นฝั่ง ก็ต่อยฝังเหล็กไนใส่เต่าทันที เต่าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด และตัดพ้อแมลงป่องที่ผิดสัญญา แมลงป่องจึงตอบว่า
“ขอโทษด้วยที่เผลอตัวไป เพราะมันเป็นธรรมชาติของแมลงป่องที่ต้องต่อย”
ขอเปิดเผยความลับว่า คนที่เล่าเรื่องนี้ก็คือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านเล่า ที่ทำเนียบรัฐบาลให้ชาวกระทรวงศึกษาธิการฟัง ตอนที่ท่านเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ(ผมได้นั่งฟังด้วย) โดยท่านได้สรุปตอนท้าย ว่า
“ถ้าเราไม่ต้องการให้ถูกใครทำร้ายก็ต้องเป็นคนเก่ง แต่ถ้าทุกคนมุ่งแต่เป็นคนเก่ง แต่ขาดคุณธรรมความดี แล้วคนในสังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้อย่างไร"
ท่านก็ยังใช้ความเก่งนำความดีอยู่นั่นแหละนะ โดยความเก่งโดยสารมากับจรวด แต่ความดีอาจขี่หลังเต่ามา(หรือซ่อนในรกในพง) ความเก่งอย่างเดียวก็เลยช่วยอะไรไม่ได้ ...
ได้อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว ก็เห็นด้วยกับอาจารย์นะค่ะ ที่ว่าความดีต้องมาก่อนความเก่ง ประเทศไทยเราต้องการคนที่มีความดีมาพัฒนาประเทศ ไม่เถียงนะค่ะว่าคนเก่งนะเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ แต่ถ้าคนดีด้วยแล้วจะสามารถที่จะพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนเพราะเขาไม่คิดว่าที่จะฉวยประโยชน์ หรือเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง ดิฉันเชื่อนะค่ะว่าคนส่วนใหญ่ทราบและเข้าใจในเรื่องนี้ดี แต่ไม่เปิดใจที่จะยอมรับมากกว่าค่ะ
เหมือนกับว่าเรารู้จักคน 2 คน ซึ่งมีความสามารถและนิสัยต่างกัน คนแรกเป็นคนเก่ง แต่อีกคนหนึ่งเป็นคนดี ซึ่งถ้าไม่เข้าไปใกล้ชิดก็ไม่ทราบถึงนิสัยที่แท้จริงของทั้งสองคนเลย แล้วถ้าเป็นเราเราจะสนใจใครก่อนละ? แน่นอนค่ะ เราต้องสนใจในคนเก่งก่อน เพราะเขามีอะไรที่เด่นและดึงดูดความสนใจของเราถูกไหมค่ะ ? แต่พอเรารู้จักอย่างลึกซึ้งแล้ว มาถึงจุดหนึ่งที่เราจะต้องเลือก เราจะเลือกใคร? ดิฉันเชื่ออีกเช่นกันค่ะว่า ต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอนใช่ไหมละค่ะ?
สวัสดีครับ
ผมว่าทั้งคุณธรรมและความรู้ต้องไปควบคู่กัน
และในความเป็นจริงแล้วความรู้ต้องมาก่อนนิดๆ
คุณธรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องเรียนรู้ก่อนครับ
โรงเรียนผมใช้ "ความรู้คู่คุณธรรม" ตั้งแต่ปี 2526 โดยมีนิยามของปรัชญาดังนี้
เมื่อมีความรู้ องค์ความรู้แล้ว ต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นหรือสังคมเดือดร้อน ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เป้าหมาย
1.ศิษย์ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน
2.ประสบผลสำเร็จในการประกอบอาชีพ
3.ประสบผลสำเร็จในการครองเรือน
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความมั่นคง สงบสุขของสังคมประเทศชาติโดยส่วนรวม
ครับ