พฤหัสบดี ที่ 12 ตุลาคม 2549 (ต่อ)
ยังคงเจ็บตาอยู่ครับ ขออภัยที่ต้องบันทึกสั้น ๆ อาจเข้าใจได้ยาก
เช้า ไม่มีหิมะตก อากาศดี มีรถนำเที่ยวมารับ 08.50 น. รวม ดร.สุนันทา จาก มข. ด้วยเป็น 7 คน ตอนบ่ายมีคนไทยมาเพิ่มอีก 1 คนเป็น 8 คน นอกนั้นเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน แยกไม่ออกว่าชาติไหนเป็นชาติไหน รวมทั้งคันรถแล้วประมาณ 30 คน
ไปวัดพุทธ วันนี้มี VIP มา ขโมยเยอะ ตอนเดินวนในที่พระสวด ถ้ามีคนมากระแทกแสดงว่าเป็นขโมย (ไกด์เตือน) อากาศเย็นมาก มีนกพิราบเยอะ เด็กเล่นไม่กลัวไข้หวัดนกกันเลย พระดูจะเน้นพิธีกรรมมากกว่าเรา มีพระยืนองค์ใหญ่ ทำบุญไปด้วย สมัยคอมมิวนิสต์พระ คน วัด ถูกทำลายไปมาก จนทำให้แทบจะไม่มีศาสนสถานใด ๆ ใน UB
ไปห้องน้ำที่ National Museum of Mongolia เดินมากปวดหลัง นั่งรอ เขาห้ามถ่ายรูป เก็บตังค์ถ้าจะถ่ายรูป
เดินทางไปจุดชมวิวเมือง UB พบพระพุทธรูปยืน เพิ่งสร้างใหม่ด้วย เกาหลีอาจมาช่วยบูรณะไว้
จุดชมวิวเป็นอนุสาวรีย์สงครามด้วย มองเห็นเมือง UB ใหญ่มาก ผมถามไกด์ได้ความว่า ประชากรประมาณ 1 ล้านคน นอกเมือง UB อีกประมาณ 1 ล้านคน ยังไม่รวมที่ไม่ได้จดทะเบียน นอกเมืองส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ พอถึงหน้าหนาวถ้าสัตว์เลี้ยงตายหมด คนเลี้ยงก็จะหมดตัวและต้องย้ายเข้า UB เพื่อมาหางานทำ ทำให้มีปัญหาสังคมใน UB มาก (ถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงเด็ก 2 คนที่มาขอสตางค์เมื่อวานนี้) อุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศคือ การทำเหมือง (Gold mining) Coal และ Oil และที่ผมเห็นว่าน่าจะมีโอกาสดีอีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องการท่องเที่ยว ถ้าทำให้ดี ๆ จะไปได้ไกลมาก
บรรยากาศที่วัดพุทธ อากาศเย็นมาก นกพิราบเยอะ
เด็ก ๆ วิ่งเล่นไม่กลัวไข้หวัดนกกันเลย
จุดชมวิวเมือง UB มีพระพุทธรูปยืนอยู่ด้านซ้ายมือ
วิบูลย์ วัฒนาธร
.
ภาพสวยมีชีวิตอีกแล้วค่ะ
ชอบรูปเณรน้อยที่สุด
เพื่อนชาวมองโกลบอกผมว่า หน้าหนาวที่ UB อุณหภูมิจะติดลบ 40 ดีกรีเซลเซียสครับ