ลักษณะที่เป็นผลเสียต่อความสำเร็จ
1. ระดับความรู้ของปัจเจกชนในชุมชนค่อนข้างต่ำ มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
2. ความฝังใจกับความรู้หรือความรับรู้เก่าๆแน่นหนา อาจเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการคิดใหม่ๆ3. ยึดติดกับวัฒนธรรมเดิม ที่เป็นความเชื่อส่งผลในการขัดขวางต่อกระบวนการจัดการความรู้4. เชื่อมั่นความช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอกที่มองไม่เห็น(อำนาจเร้นลับ)ค่อนข้างสูง5. ยึดติดกับบุคคลค่อนข้างสูง6. แหล่งพึ่งพาในด้านความรู้ ข้อมูลข่าวสารค่อนข้างจำกัด
ลักษณะที่เป็นผลดีต่อความสำเร็จ
1. ระดับความซับซ้อนของโครงสร้างในชุมชนไม่มาก การเรียงลำดับปัญหาทำได้ง่าย
2. ความพึ่งพาอาศัยกันของปัจเจกชนในชุมชนค่อนข้างสูง การกระจายความรู้เป็นไปได้ง่าย
3. มีความเข้มแข็งด้านเครือข่ายต่างๆทั้งธรรมชาติและจากการจัดตั้งหลายกลุ่ม
4. ความซับซ้อนของปัญหาในชุมชนไม่มาก
5. มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อยทั้งในกลุ่มต่างๆ ร้านน้ำชา วงเหล้า ฯลฯ
ปัญหาของชุมชนที่ต้องใช้กระบวนการจัดการความรู้แก้ปัญหา โดยรวม มี 2 เรื่องใหญ่ๆคือ
1. ปัญหาเศรษฐกิจ
2. ปัญหาเรื่องสุขภาพ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจ แยกย่อยได้เป็น
- ปัญหาการเรื่องที่ดิน
- ป้ญหาเรื่องน้ำ
- ปัญหาผลผลิตตกต่ำ ทั้งด้านราคาและปริมาณของผลผลิต
- ปัญหาการขนส่งผลผลิต
- ปัญหาการขาดความหลากหลายของผลผลิตในชุมชน
- ปัญหาหนี้สินฯลฯ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจเหล่านี้ ผู้เขียนเชื่อว่า สามารถแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการจัดการความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลัก ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ชุมชนพอจะรู้ว่าการแก้ปัญหาโดยอาศัยแหล่งทุนภายนอกมาแก้ปัญหาในชุมชนนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เรียกว่ายิ่งกู้ยิ่งแย่ ยิ่งแจกยิ่งจน ยิ่งให้ยิ่งทำให้ชุมชนขาดความเชื่อมั่นในภูมิปัญญาตนเอง และพลังแห่งปัญญาชุมชน ดังนั้นการวางรากฐานของชุมชนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ในด้านเศรษฐกิจพอเพียง เสริมกับความเข้มแข็งด้านพลังชุมชนจะสามารถนำพาให้ชุมชนสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สามารถพึ่งตนเองในระยะยาวได้