อาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ การเกิด แก่ เจ็บ และตาย
อันเป็นสังสารวัฏที่เกิดในชีวิตที่ไม่สิ้นสุด
เหตุการณ์ที่วนเวียนมาบังเกิดต่อพวกเราอยู่เป็นประจำ
หากรู้จักใช้เหตุการณ์มาเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานต่อผู้รับบริการ
จะทำให้เราได้เข้าถึงสัจธรรมของชีวิต และความหมายของสุขภาพ
บทเรียนต่อไปนี้เป็นบทเรียนหนึ่งที่ได้ประสบขณะปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย
เช้าวันหนึ่งที่ห้องไตเทียมมีผู้ป่วยไตวายมารับบริการฟอกเลือดที่หน่วยไตเทียม
ภายในห้องมีผู้รับบริการอยู่ 6 คน มีอยู่เตียงมีญาติมายืนออกันอยู่
มีเสียงพูดของผู้ป่วย บอกว่า “ พอแล้วๆ มันสิ้นเปลืองพอแฮงอยู่แล้ว
วัวควาย กะขายไปหลายตัวแล้ว สิมาขายดิน อีกมันบ่ไหว “
เสียงอ้อนวอนของลูกๆให้พ่อรักษาต่อ มีอยู่ต่อเนื่อง
เมื่อเข้าไปสอบถามได้ความว่า
ผู้ป่วยชื่อ ลุงพร(นามสมมติ) มีลูกสาว-ลูกชายอยู่ 4 คน
อาชีพทำนาทั้งตระกูล ป่วยเป็นไตวายมาหลายปี
มีสาเหตุเป็นนิ่วในไตทั้งสองข้าง ด้วยฐานะที่ยากจน
ขาดโอกาสในการเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ
ทำให้ละเลยในสุขภาพกายของตนเองเพราะมัวแต่ห่วงปากท้อง
ผลสุดท้ายไตก็วาย ซึ่งเมื่อรู้ก็สาย เมื่อไตได้สูญเสียหน้าที่ไปแล้ว
ลุงพรเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ต้องเวียนมารับยา
ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์พยาบาลได้บ้างไม่ได้บ้างตามภาวะของชีวิต
จนสุดท้ายก็ถึงระยะสุดท้ายของไตวาย ลุงพรถูกแนะนำให้ฟอกไต
ลุงพรและญาติบอกว่า แม้ว่าลุงพรจะมีบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค
แต่ในกรณีฟอกเลือดเนื่องจากไตวายเรื้อรังเจ้าหน้าที่บอกว่า
บัตรไม่คุ้มครองสิทธิดังกล่าว ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟอกเลือด
ครั้งละ 1,300-1,800 บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอุปกรณ์
ค่าเดินทางมารับ-ส่งของญาติ เป็นต้น จากการรักษาลุงพรมาหลายปี
ขายทั้งวัวควายที่มีอยู่ กู้ยืมก็เยอะ ญาติบอกว่า ลุงพรบ่นบ่อยๆว่า
คนป่วยกินคนเป็น (คนป่วยทำร้ายคนสุขภาพดี) ลุงพรอยากเลิกรักษา
นานๆเข้าลุงพรก็หายไปไม่มาฟอกเป็นสัปดาห์ กลับมาฟอกไตในสภาพที่บวม
หายใจหอบ และเป็นบ่อยครั้ง
เมื่อสอบถามทราบว่าไม่มีค่าใช้จ่ายและลุงพรไม่อยากมาฟอกไต ครั้งล่าสุด
ลูกๆเห็นว่า
หนี้สินที่เกิดจากการรักษามีมากขึ้นและค่าใช้จ่ายในการฟอกไตมีอยู่ตลอดเวลา
ลูกๆจึงลงความเห็นว่าจะขายที่นาบางส่วนเพื่อจะมารักษาลุงพร
เมื่อถึงเวลาจะมาขอให้ลุงพรเซ็นชื่อมอบฉันทะที่นาเพื่อจะนำไปขาย
ลุงพรก็ไม่ยอม ลุงพรหันมาถามพยาบาลว่า “ คุณหมอ
มันหมดมันเปลืองมาหลายแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะหมด(ตาย) เมื่อไหร่
คุณหมอถามหน่อยเถอะที่ผมฟอกไตอยู่นี่ มันจะหายขาดมั๊ยล่ะ “
พยาบาลอึ้งไปสักครู่แล้วตอบไปว่า “.......คง ไม่หายค่ะ
แต่ก็อาจมีความหวังในวันข้างหน้าก็เป็นได้ “ ลุงพรกล่าวต่อว่า
“ผมอายุขนาดนี้ มันคงไม่มีหวังหรอก มีแต่จะกินลูกกินเต้าไปเรื่อยๆ
ดีไม่ดีลูกจะตายก่อนผม เพราะไม่มีอะไรจะทำกิน ผมมันคนตายแล้ว
อย่าให้ไปกวนคนเป็นเลย “ ทั้งลูกๆ
พยาบาลและแพทย์ที่ดูแลคุณลุงพยายามอธิบายเพื่อให้ให้ลุงพรเปลี่ยนความคิด
แต่ลุงพรก็ไม่เปลี่ยนความคิด
ลุงพรยังยืนยันในความตั้งใจว่าจะไม่ฟอกไตต่อเพราะเห็นว่า
หากฟอกไตต่อคงต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ไป
ลูกหลานที่อยู่ข้างหลังคงลำบาก
เห็นได้จากครอบครัวผู้ป่วยที่มาฟอกเลือดหลายคนบอกว่า
จากครอบครัวที่เคยอยู่ทำมาหากินร่วมกัน กลับกลายเป็นว่า
ลูกๆต้องเดินทางไปหาเงินต่างถิ่นเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาญาติที่ฟอกเลือด
ภาพที่พวกเราเห็นในวันนั้นคือ
ลุงพรถูกพยุงจากลูกๆนั่งรถเข็นไปยังรถรับจ้างเพื่อกลับบ้าน
ใบหน้าของลุงพรที่ยิ้มแม้ดูจะซีดเซียวจากผลของโรค
ในความรู้สึกของลุงพรขณะนั้นคงมีความสุขแม้ว่าตนจะเสียชีวิต
แต่ลุงพรเชื่อว่า
ลุงพรได้ปกป้องผืนดินที่พ่อแม่ได้มอบให้ส่งต่อไปยังรุ่นลูกให้ประกอบทำมาหากินต่อไป
พวกเราที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้รู้ในการดูแลสุขภาพผู้คน
ความหมายคำว่าสุขภาพของเรากับลุงพรช่างแตกต่างกัน
เรามองเพียงรักษาชีวิตของคนคนหนึ่งไว้
ขณะไม่ได้มองถึงชีวิตที่อยู่รอบข้าง
คำว่าสุขภาพของลุงพรช่างยิ่งใหญ่และมองข้ามคำว่าความตายไปสู่ความมีสุขภาวะทางด้านจิตใจที่เหนือกว่า
ด้านร่างกาย การตายพร้อมกับความภาคภูมิใจว่า
ชีวิตนี้ของลุงพรได้ส่งต่อผืนดินที่ทำกินจากบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกได้สำเร็จ
สุขภาพของลุงพรจึงสมบูรณ์แม้ไร้ร่างกาย
การเรียนรู้ความหมายของคำว่า สุขภาพจากลุงพร
ทำให้เห็นความหมายคำว่าสุขภาพของชาวบ้านมีหลากหลายและกว้างไกลจากพวกเราผู้ที่ทระนงตัวว่าเป็นผู้รู้ในทุกสิ่งของสุขภาพ
ทำให้เราต้องได้เรียนรู้อีกมากมายว่า
ทำไมผู้ป่วยเบาหวานจึงควบคุมโรคไม่ดี
(เพราะต้องทะเลาะกับสามีที่มีเมียน้อย หรือวันปีใหม่ลูกที่หายไป 2-3
ปีกลับมาเยี่ยมบ้านเลยฉลองมากไปหน่อย) ทำไมหญิงอายุร่วม 40
ปีจึงทำแท้งครั้งแล้วครั้งเล่า(เพราะกลัวสามีจะแยกทางเนื่องจากท้อง)
ถ้าเราได้เรียนรู้เราจะเข้าใจ
ทำให้เราจะสามารถจัดบทบาทของเราให้เกิดระบบบริการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล
เราเองก็จะไม่ทุกข์เพราะเขา(ผู้ป่วย)ไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ
แต่เราจะปรับเปลี่ยนตามเขาและร่วมปรึกษาหารือกันในระดับที่เท่าเทียมกัน
เราเองก็จะมีความสุขเพราะเราไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนใคร
แต่เราเปลี่ยนตัวเราเอง
การหยุดนิ่งรับฟังแลกเปลี่ยน
ทำให้เราได้เห็นและพร้อมเปิดกว้างที่จะเรียนรู้กับผู้คนที่เดินทางมาให้เราเรียนรู้อยู่ทุกวัน
ผู้ป่วย ญาติ ชุมชน เปิดให้เราได้เรียนรู้ตลอดเวลา
สำคัญว่าเราพร้อมที่จะเปิดใจรับการเรียนรู้หรือไม่