ข้อเท็จจริงที่สำคัญที่อภิปรายกันในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ย. ๔๙ ก็คือ
(๑) ต้องรีบดำเนินการออกกฎหมายนี้ให้เสร็จทันอายุของสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดนี้ให้ได้ มิฉะนั้น อาจต้องรอต่อไปอีกหลายปี ก่อผลเสียหายต่อโอกาสมีความคล่องตัวยืดหยุ่นในการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดล
(๒) หากต้องการผลตามข้อ ๑ ต้องเลือกดำเนินการในขั้นตอนที่ลัดสั้นที่สุด ผ่านขั้นตอนน้อยที่สุด ต้องไม่เสนอร่าง พ.ร.บ. ใหม่ที่ต้องกลับไปผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะใช้เวลานานมาก (อาจหลายปี) และขั้นตอนอื่นๆ ก็มากขึ้นด้วย
(๓) ต้องตระหนักว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ. ไปจากมหาวิทยาลัยนั้น ไม่ใช่ว่าจะได้กฎหมายตามที่เราเสนอ จะมีขั้นตอนที่มีการแก้ไขโดยคนหลายกลุ่ม ดังนั้น ในขั้นตอนการออกกฎหมายนี้ควรมุ่งหวังเฉพาะหลักใหญ่ๆ ก่อน ส่วนรายละเอียดยอมประนีประนอมบ้าง หวังไปแก้รายละเอียดบางอย่างในภายหน้าเมื่อมีการดำเนินการและสังคมยอมรับหลักการใหม่ๆ มากขึ้น
(๔) หวังไปแก้ไขรายละเอียดบางอย่างที่ประชาคมมหิดลต้องการ และคณะทำงานของสภามหาวิทยาลัยพิจารณาแล้วเห็นเหมาะสม ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติ โดยที่สภาจะมีมติแต่งตั้งผู้แทนไปอยู่ในคณะกรรมาธิการดังกล่าว
สภามหาวิทยาลัยจึงมีมติ ๓ ข้อ ดังนี้
๑. ให้มหาวิทยาลัยเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ไม่ต้องกลับไปผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก ต่อ สกอ. เพื่อดำเนินการออกกฎหมายอย่างรวดเร็ว ทันอายุสภานิติบัญญัติชุดนี้
๒. สภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณารายละเอียด และรับฟังข้อคิดเห็น เพื่อเตรียมประเด็นไปขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ในชั้นกรรมาธิการฯ (จะนำเข้าสภามหาวิทยาลัยในวันที่ ๑๘ ธ.ค. ๔๙)
๓. สภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งตัวบุคคลที่จะไปนั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ..... ของสภานิติบัญญัติ
วิจารณ์ พานิช
๑๖ พ.ย. ๔๙
ไม่มีความเห็น