ทำไม เรายิ่งอายุมากขึ้น เรากลับยิ่งมีแต่ความความอ้างว้าง , ทำไมเราเข้ามาร่วมใน gotoknow เรากลับยิ่งอ้างว้าง


ทำไมคนอื่นถึงไม่อ้างว้าง ผูกพัน เหนียวแน่นกับบล็อก
ชื่อเรื่องที่เห็นนี้ เป็นคำถามจากเพื่อนของนายบอนอีกเช่นกันครับ
เพราะเขารู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน แล้วยังตั้งข้อสังเกตมาถึง gotoknow ที่เขาเข้ามาติดตามอ่าน และเกิดความสงสัยว่า นายบอนไม่อ้างว้างเหมือนเขาบ้างหรือ

ทำไมเรายิ่งอายุมากขึ้น หรือเด็กที่โตขึ้น กลับยิ่งอ้างว้าง?
อาจเป็นเพราะ
-    โลกเราโตขึ้นมาตามเรา
-    สายตาของเรามองเห็นในสิ่งที่ไกลออกไป
-    สมองของเราคิดได้มากขึ้น
-    จินตนาการของเรากว้างไกลขึ้น ทั้งเรื่องที่เป็นจริง ความฝัน และจินตนการที่สร้างขึ้นมาเอง
-    การศึกษาเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งรู้มาก ค้นคว้ามาก ยิ่งพบข้อมูลเยอะขึ้นเรื่อยๆ


ช่วงเวลาที่อายุน้อย ช่วงที่เป็นเด็กนั้น มีผู้ใหญ่แวดล้อมเอาใจ คอยให้คำแนะนำ จะไปไหนมาคนพาไป ทานข้าวกันพร้อมหน้า

แต่เมื่อออกสู่โลกกว้าง ทำให้ห่างไกลจากสิ่งที่คุ้นเคย  
ความรู้สึกอ้างว้าง เพราะหลายคน ยังไม่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง

จากเดิม หลายคนเข้ามาหาเรา โดยที่เราไม่ต้องเดินเข้าไปหาเขา
แต่วันนี้  หากเราไม่เดินเข้าไปหาคนอื่นๆ ทำความรู้จักกันคนอื่นๆบ้าง จึงอ้างว้าง

คนที่ประสบความสำเร็จสูง ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง คนรอบข้าง ให้เกียรติ เกรงใจ เคารพยำเกรง
หน้าที่การงานรับผิดชอบมากขึ้น เวลาเป็นเงินเป็นทอง งานมากมายแทบจะทำไม่ทัน ชีวิตจมอยู่กับงาน ห่างเหินจากคน  จึงอ้างว้าง

การเข้าร่วมใน gotoknow ติดตามอ่าน เขียนข้อคิดเห็นของเพื่อนนายบอน
อ่าน และเขียนเหมือนคนอื่นๆ
ไปเขียนบันทึกในบล็อกที่เวบไซต์ยอดนิยมอื่นๆ (Exteen, bloggang) ที่มีความสนใจคล้ายๆกับเพื่อนนายบอน
ทำไมจึงเกิดความรู้สึกอ้างว้าง?

ทำไมคนอื่นถึงไม่อ้างว้าง ผูกพัน เหนียวแน่นกับบล็อก?

นายบอนไปเปิดดูบันทึกของเพื่อนที่เวบไซต์อื่น และมองพฤติกรรมของเพื่อน
1. เรื่องที่เขาเขียน ยังไม่โดนใจพอที่จะให้เขียนความเห็นลงไป
2. เรื่องที่เขียน เป็นแนวบอกเล่า ไม่รู้ว่า จะเขียนความเห็นประเด็นไหนลงไป ไม่ใช่เป็นประเด็นให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้
3.  บันทึกอื่นๆมีเยอะ เมื่อหัวข้อที่เขียนปรากฏอยู่ในหน้าแสดงหัวข้อรวมกับบล็อกอื่นๆ  เรื่องที่เขียนออกมานั้น เรื่องอื่นน่าอ่านมากกว่า
4. ทำความรู้จักกับคนอื่นน้อยเกินไป ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

ในเวบไซต์บล็อกแต่ละแห่ง มีชุมชน สังคม มองเห็นแนวโน้ม ความสนใจของคนในชุมชนนั้น
ถ้าไม่อยากอ้างว้าง ควรต้องเดินเข้าไปหาคนอื่นบ้าง ไม่ใช่รอให้คนอื่นเดินเข้ามาหาเราฝ่ายเดียว






ข้อมูลเพิ่มเติม
อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว
ที่มา : เสถียรธรรมสถาน http://www.sathira-dhammasathan.org/index.php?topgroupid=1&subgroupid=624&groupid=14

อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว


              บางครั้งในชีวิตของคนเราก็รู้สึกอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว แล้วก็เดียวดายอยู่ท่ามกลางฝูงชน ถ้าคุณเป็นอย่างนั้น บางทีคุณอาจจะต้องให้เวลาตัวเองที่จะถอยออกมาจากสิ่งแวดล้อมอย่างนั้นบ้าง แล้ว เราอาจจะต้องการอยู่ตามลำพังสักระยะหนึ่ง อาจจะพิจารณาว่าสิ่งที่กำลังได้เห็น ได้ยินและได้ฟัง หรือกำลังดมกลิ่น เรียนรู้ทางกายและอารมณ์ที่มากระทบทางใจนั้น เวลาที่ใจเรามันไม่มั่นคงแล้วก็หวั่นไหว เราจะเห็นว่าการกระทบนั้นก็จะนำมาซึ่งการกระเทือน แล้วเวลาเรามีชีวิตที่มีการกระเทือนเราก็มักจะกระแทกออกไปอย่างรุนแรงด้วย เราอย่าทำให้ชีวิตของเราบอบช้ำอย่างนั้น ขอให้กลับมาพิจารณาตัวเราว่า เวลาที่เราแยกออกมาอยู่ตามลำพังนั้น เราจะพิจารณาการดู การได้ยินได้ฟังอย่างคนที่มีสติได้อย่างไร การฝึกฝนที่จะมีลมหายใจอย่างมีสตินั้น ต้องใช้ได้ในขณะที่เรามองเห็น เราได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น แล้วกายกระทบเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง แล้วใจก็กระทบอารมณ์อย่างคนที่รู้ว่า การทนแล้วก็ปล่อยไป อย่าเอาเรื่อง อย่าเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่กระทบ เราตรวจสอบอาวุธแห่งการเรียนรู้ของเราด้วยสติปัญญาว่ารู้แล้วก็ปล่อยวางไป เรื่อย ๆ แล้วท่านจะพบว่าความเปล่าเปลี่ยวที่ปรากฏนั้นก็จะค่อย ๆ กลับกลายมาเป็นความอบอุ่นเพราะความรู้สึกเท่าทันอยู่กับการรู้และปล่อยวาง อย่างนี้เอง ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตที่รู้แล้วปล่อยวาง
ธรรมสวัสดี

ลงวันที่: Thursday July 21, 2005











หมายเลขบันทึก: 59838เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2006 11:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 10:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

คุณบอนคะ

  • ถ้าอ้างว้างก็ควรเดินไปหาคนอื่นบ้าง  ไม่อยู่รอให้คนอื่นเดินมาหาเราฝ่ายเดียว
  • อย่าบอกนะว่า คุณบอนอ้างว้าง
  •  ถ้าไม่ใช่เรียนเชิญอ่านที่นี่ค่ะ 

คุณบอนเขียนได้ลึกมากครับ ดังนี้

  1. -    โลกเราโตขึ้นมาตามเรา
  2. -    สายตาของเรามองเห็นในสิ่งที่ไกลออกไป
  3. -    สมองของเราคิดได้มากขึ้น
  4. -    จินตนาการของเรากว้างไกลขึ้น ทั้งเรื่องที่เป็นจริง ความฝัน และจินตนการที่สร้างขึ้นมาเอง
  5. -    การศึกษาเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งรู้มาก ค้นคว้ามาก ยิ่งพบข้อมูลเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ข้อ 2. ถึง 5. ผมว่าคล้ายกันครับ คือ จากเดิมที่เห็นอยู่แต่บางเรื่อง สายตาสามารถมองได้ไกลขึ้นพบว่า เรื่องๆ หนึ่งอาจไม่ใช่แค่ที่ตนคิดเท่านั้น อย่างวันนี้เรื่องการยกเลิกหวยใต้ดิน ประเด็นเดียวก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายที่มองต่างกัน ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ไม่ว่า จะเป็นรมต., คนค้าหวย, คนเล่นหวย, กรมสรรพากร, คนเกี่ยวข้องกับคนเล่นหวย (อันนี้รวมมาโดนเราท่านด้วยใช่ไม๊ครับ)

เมื่อเราได้รู้และสัมผัสความคิดเห็นจากมุมมองต่างๆ จะทำให้เราโตขึ้นเมื่อได้คิดแทนผู้อื่น นี่เองที่ผมว่าคือ สิ่งที่เด็กต่างจากผู้ใหญ่มาก คนเป็นผู้ใหญ่ต้องคิดแทนผู้อื่นก่อนค่อยคิดถึงตนเอง

แต่เด็กๆ จะไม่ต้องสนใจมากอย่างที่คุณบอนกล่าว คือ เขาจะเป็นศูนย์กลางของครอบครัวหรือคนที่เขารัก

เพื่อนคุณบอนคงยังมองในมุมเด็กอยู่ เลยอาจมีความคิดที่ว่า

  • ทำไมคนอื่นไม่เข้าบล็อคของเราละ เราอุตส่าห์ทำ (เหนื่อยนะเนี่ย)
  • ยังสับสนอยู่ว่าทำบล็อกมาเพื่ออะไร ทำเพื่อหาเพื่อน ทำเพื่อเผยแพร่ความรู้ ทำเพื่อลองวิชา
  • ไม่มองคนอื่นที่ทำบล็อกได้ดี ว่าทำไมเขาจึงทำอย่างนั้นแล้วมาปรับปรุงกับบล็อกของเรา (ดูทำไมละ เสียเวลาจะตาย)

จากคนที่เคยเป็นเด็กเล็ก และยังเป็นเด็กอยู่เช่นกัน

ขอบคุณสำหรับบทความครับ ได้คิดอะไรหลายอย่าง

สวัสดีครับครูอ้อย
  ที่ว่าอ้างว้างนั้นหมายถึงเพื่อนนายบอนนะครับ

สวัสดีครับ คุณจันทร์เมามาย
   ให้ความเห็นได้โดนใจจริงๆครับ โดยเฉพาะเรื่องหวยใต้ดินนี่ ที่ติดตามข่าวสารแล้ว รู้สึกคันๆ จนอยากจะหาเวลาเขียนบันทึกวิพากษ์สักครั้งหนึ่งเหมือนกันนะครับ


 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท