2-3 วันก่อนผมได้ดูข่าวที่เชื่อมโยงกัน 2 เรื่อง คือ เรื่องที่รัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินภาคประชาชน แต่จะไม่แก้ปัญหาเรื่องที่ประชาชนไปสร้างหนี้จากบัตรเครติด อันนี้ก็แล้วแต่มุมมอง
แต่ที่น่าสนใจ คือ การใช้บัตรเครดิตมันก่อให้เกิดหนี้ได้อย่างไร ผมพอมีประสบการณ์เพื่อ ลปรร. กันดังต่อไปนี้ คือ โดยปกติของคนนั้นถ้ามีเงินอยู่ในมือก็จะใช้ เขาเรียกว่าใช้เงินในอนาคตครับ พอทีนี้พวกธนาคารต่าง ๆ ช่วงภาวะที่เกิดฟองสบู่แตก มีเงินอยู่ในระบบมากไม่อยากให้เงินอยู่เฉยๆ ก็เลยออกบัตรเครติดเพิ่มขึ้น มีการรณรงค์หาลูกค้าด้วยวิธีการต่างๆ สิ่งที่แข่งขันกันมากคือการสะสมแต้มเพื่อเร่งให้คนใช้เงินเร็วขึ้น
ถ้าดูโดยหลักการทั่วไปของการใช้บัตรเครดิตแล้ว ถ้าคนที่มีความยับยั้งช่างใจอย่างอาจารย์ที่ผมรู้จักบางคน เขาจะบอกว่า "เรารู้ว่าเรามีเงินจ่ายแน่ ๆ เราจึงใช้บัตรเครดิต" ธนาคารไม่มีทางได้ดอกเบี้ยของเราเป็นแน่ คือ อาจารย์ท่านนี้แกฝากเงินออมทรัพย์ไว้ในธนาคาร แล้วถึงเวลาธนาคารเก็บเงินค่าบัตรเครดิต ก็ให้หักจากบัญชี ถ้าเราควบคุมรายจ่ายได้อย่างนี้ธนาคารไม่มีทางได้ดอกเบี้ยของเรา
ผมเคยถามธนาคารว่า ถ้าคนเป็นแบบนี้กันหมดธนาคารจะได้ประโยชน์อะไรจากการให้คนถือบัตรเครดิต ธนาคารก็บอกว่า ได้จากเมื่อผู้ใช้ ใช้บัตรไปรูดเงินซื้อของตามร้านค้า ธนาคารก็จะได้ค่าธรรมเนียมจากการที่ร้านค้ามาขึ้นเงินสด ผมไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้คิดเท่าไร แต่เมื่อก่อนธนาคารคิดร้อยละ 2-4 บาทครับ ส่วนนี้ธนาคารก็ได้เงินคืนค่อนข้างแน่และอัตราเสี่ยงน้อย (ยกเว้นพวกโจรคอมพิวเตอร์ปลอมบัตรเครดิต..นะครับ)
ปัญหามาเกิดกับพวกที่คิดว่า ยืมเงินอนาคตมาใช้ก่อนแล้วค่อยหาใช้ทีหลัง มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ กิน ใช้ เที่ยว ไม่บันยะบันยัง เพราะตอนรูดบัตรไม่ต้องพกเงิน จ่ายเงินง่าย (มีเงินพลาสติกแทนเงินกระดาษ) ยิ่งพวกมีบัตรทองด้วยมีอำนาจการจ่ายมาก(แต่ไม่ค่อยมีอำนาจการใช้) แต่พอถึงคราวจ่ายจริงๆก็ไม่มีเงิน ธนาคารก็คิดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยนี้ก็พอทำเนา แค่คิดอยู่ประมาณร้อยละ 26-28 ต่อปี แต่ถ้ารูดเงินสดคิดค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมนี้คิด VAT ด้วย ถ้าผิดสัญญาไม่ส่งเงินตามกำหนด มีเบี้ยปรับด้วย ทบไปทบมามันก็พอกหางหมู บางคนมีบัตรหลายใบ รูดไปรูดมาเวียนกันไปใช้หนี้บัตรใบอื่น เผลอเดี๋ยวเดียวมีหนี้เป็นแสนเป็นล้านแล้วครับ .....คนอย่างนี้มีมากครับที่ตกเป็นทาสของธนาคาร จึงเกิดมีการตั้งชมรมคนเป็นหนี้ธนาคาร (ทำนองนี้) ขึ้นมา
เดี๋ยวนี้ถ้าสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารที่มีเชื้อสายต่างประเทศ พอสมัครแล้วจะมีโทรศัพท์มาให้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มให้อีก ..คนมีเครดิตดีใครไม่อยากเป็น พอเป็นแล้วก็พบดอกเบี้ยมหาโหดครับ (ไม่โหดมากเหมือนชาวบ้านที่ไม่มีสินทรัพย์ไปกู้เงิน เขาคิดแค่ร้อยละ 3-5 ต่อเดือนครับ) ประมาณร้อยละ 28 ต่อปี ย่อมลงมาหน่อยก็ร้อยละ 15-18 ต่อปี
พอพวกธนาคารรับฝากเงินนะครับ ให้อย่างมากไม่เกิน 5 บาทต่อปี ถ้าคิดอย่างนี้ไม่ต้องทำอะไรปล่อยกู้ดีกว่าครับ...รวยเร็วดี
แต่ลองคิดดูดีๆ แล้ว พวกที่รวยจากการกินดอกเบี้ยนี้ รวยจริงครับแต่ไม่มีความสุข ลูกหลานที่เกิดมาคอยแย่งชิงมรดกกัน
มีบางตระกูลปล่อยเงินกู้ แล้วยึดที่ดินจนร่ำรวย สุดท้ายลูกหลานคอยฆ่ากันเพื่อแย่งชิงมรดก อย่างที่เป็นข่าวอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์.....นี้เป็นเรื่องที่น่าคิด คนเราอยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ตายจะโลภไปถึงไหนกัน
ตอนท้ายนี้ ขอให้ลองคิดดูว่าเราจะเป็นคนแบบไหน? ระหว่างรวยแต่ไม่มีความสุข กับพอมีพอกินแบบเศรษฐกิจพอเพียงแล้วมีความสุขครับ.....
ปัญหามีอยู่ทุกที่ เพราะความอยากของคน
ความอยากของคนเป็นสิ่งแก้ยากที่สุดเลยครับ
การที่อาจารย์นำข้อมูลมาเสนอให้เห็นภาพก็คงจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะเดินตามรอยรุ่นแรกๆที่ยืมเงินในอนาคตมาใช้สุดท้ายก็ไม่มีจ่าย เป็นปัญหาทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
แต่ในส่วนของการอยู่แบบเศรฐกิจพอเพียงนั้นคงต้องพอเพียงทั้งโลกจึงจะช่วยกันลดปัญหา ไม่เช่นนั้นก็คงจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกหรือเปล่าครับ
ขอขอบคุณท่าน สมนึก โทณผลิน และท่าน ว่าที่ ร.ต. วุฒิชัย สังข์พงษ์ ครับ...