เวลาอารมณ์ร้อน...เราก็ฟังเพลง...เพื่อให้อารมณ์เย็นลง
เวลาอารมณ์เย็น...เราก็อยากฟังเพลงที่พาใจล่องลอยสู่ธรรมชาติ
เวลาอารมณ์รัก...เราก็ฟังเพลงที่ซาบซึ้ง...ดื่มด่ำ...ชวนให้ไหลหลง
เมื่อวานผมถามลูกชายว่า... เรารู้จักดนตรีกันตั้งแต่เมื่อไร...
ลูกชายคนกลางผมคงงง...มาชวนคุยเรื่องดนตรีอะไรกันตอนหิวข้าว...555
หลังจากที่พบว่าลูกชายผมชอบเพลงสมัยใหม่...บางเพลงผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง...(ร้องกันไปได้ยังไง...555)
ใครนะ...เป็นคนค้นพบจังหวะ...และให้ชื่อว่าเป็นดนตรี...
"สงสัยเป็นเสียงที่เขาเอาหินทุบหัวไดโนเสาร์มั้งพ่อ"... ลูกชายผมว่าไปนั่น
"นั่นซิ....แล้วใครบ้างที่ไม่รู้จักจังหวะ...ไม่รู้จักดนตรี" อันนี้ผมหันไปถามภรรยา
"ขนาดต้นไม้ยังชอบฟังดนตรีเลยนะพ่อ...คนบ้าที่ไหนจะไม่รู้จักดนตรี" ภรรยาผมคงนึกไปถึงสิ่งที่เธอชอบทำ(ที่จริงผมว่าเธออยากฟังเองแล้วอ้างว่าเปิดให้ต้นไม้ฟังมากกว่าม้าง...555)
เออ...นั่นซิ...มีใครทำวิจัยเรื่องคนบ้ากับดนตรีกันมากน้อยแค่ไหนนะเนี่ย...
หรือว่าแท้ที่จริงดนตรี...ของขวัญสำหรับสิ่งมีชีวิต...หรือเป็นสิ่งที่อยู่คู่โลกมาก่อนเรา... หรือว่าแท้จริงแล้วดนตรีเกิดมาก่อนโลกกันแน่...
ชนใดไม่มีดนตรีกาล...ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก... เป็นข้อบ่งชี้ประการหนึ่งสำหรับผู้เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งดนตรี..
แล้วคนที่ฟังดนตรีแต่ละประเภท...แต่ละยุค...แต่ละวัย...ไฉนจึงแตกต่างกันมากนัก
"นี่ตั้ก...ลูกฟังเพลงอะไรกัน...ทำไมมันดุเดือดเลือดพล่านโหดร้ายรุนแรงกันจังเลยล่ะลูก" พี่จี้ดถามลูกสาวด้วยความห่วงใย
"แม่...เพลงสมัยแม่น่ะ โหดร้ายกว่านี้เยอะ...เล่นตัดนิ้วกัน(ดรรชนีไฉไล)..แม่ทนฟังไดงัยน่ะ.." ตั๊กย้อนให้เล่นเอาแม่จี้ดอึ้ง
"แถมยังมีเพลงลามก น่าเกลียดกว่าเพลงของหนูอีก...เล่นแก้ผ้าแล้วปีนขึ้นไปแอบดูเขา(เกลียดห้องเบอร์ 5) ทำไปได้..." เธอขโยกต่อเล่นเอาพี่จี้ดหัวร่อก๊ากก...ขำกลิ้ง(แสดงว่าลูกสนใจเพลงรุ่นเราเหมือนกันแฮะ...แต่เราดันไม่ค่อยสนใจเพลงรุ่นพวกเธอ....อิอิ)
ผมเคยถกเรื่อดนตรีเป็นเครื่องชี้นำสังคมกับนักประชาสังคมทั้งหลาย...
นัยว่าเพลงเย็น ๆ สมัยรุ่นที่เราฟัง...มีส่วนสำคัญทำให้คนไทยมีภาวะจิตที่อ่อนโยน..สงบสุข...ร่มเย็น...
ผิดกับสมัยใหม่ที่เอาดนตรีที่รุนแรงมาสร้างกระแสอารมณ์สู่พฤติกรรมวัยรุ่นสมัยใหม่...ให้ตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงในสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน...
แม้ว่าดนตรี...จะเกิดมาอย่างไร...กำลังจะไปทางไหน...เดินทางของมันอย่างไรต่อไป...และสิ้นสุดลงที่ตรงไหน...
...ดนตรี...เพลง...ก็เป็นเครื่องประโลมโลก...และก็กล่อมเกลาโลกให้เป็นไปตามจังหวะแห่งกาล...ต่อไป...ไม่มีที่สิ้นสุด...
เพลงไทยเรามี ลูกทุ่ง กับ ลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง มักมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคน
เราสามารถบอกช่วงกำเนิดของเพลงลูกทุ่งเพลงนั้นๆได้เสมอ จากเนื้อร้องที่บ่งบอกถึงตามแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่างจากเพลงลูกกรุงที่ มุ่งเน้นถึงความละเมียดละมัย ความซาบซึ้งถึงบทกวี แห่งความรัก ห่วงหา อนาทร และความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง
แต่สำหรับเพลงสตริง ออกจะไปทาง ดุเดือดเลือดพล่านโหดร้ายรุนแรง อย่างที่สอนบอก แต่ก็สามารถจรรโลงโลกได้เหมือนกัน(สำหรับบางคน) ดังสุนทรภู่ว่าไว้ในพระอภัยมณีว่า
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
สิ่งหนึ่งที่คิดคำนวณไม่ถึงก็คือ
ที่จริงจิตของปัจเจกชนล้วนล่องลอย ไร้ทิศทาง...และเป็นไปตามความเป็นไปที่ไม่แน่นอนจริงหรือไม่....
พอจิตของปัจเจกชนเกิดการปะทะสังสรรค์กับจิตอื่นๆจนเกิดการเรียนรู้ในการปะทะสังสรรค์ครั้งนั้น ๆ.... ซึ่งก็ยังคงยากที่จะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายการเรียนรู้...เนื่องจากความแตกต่างของระดับ...และความถี่ของคลื่นกระแสจิต...
จังหวะ...ดนตรี...จึงเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะช่วยปรับระดับกระแสจิต...ให้สื่อสารกันง่าย...เร็ว...และตรงมากขึ้น...กระนั้นหรือ
จังหวะดนตรี...หรือดนตรี.เป็นมากกว่าเครื่องมือ..
ไม่ว่าจะจังหวะใดก็ตาม..การนำไปใช้และการเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของดนตรี..อย่างแท้จริง.จะเป็นคำตอบว่า.....ทำไม..เมื่อดนตรีบรรเลง..จึงสามารถรวมคนให้มาฟัง..โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน
....ทำไมเมื่อดนตรีบรรเลง....จึงมีคนคอเดียวกันหรือภาคเดียวกัน...เข้าไปนั่งฟัง โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน......และได้มิตรภาพใหม่
....การสื่อสาร...อาจใส่ในเนื้อเพลง.+จังหวะ..นั่นคือการสื่อสารที่แฝงไปด้วย..อารมณ์และความรู้สึก...ซึ่งแล้วแต่วัตถุประสงค์ของผู้แต่ง.......
ส่วนจะช่วยปรับกระแสจิต ให้ตรงมากขึ้น..ไม่แน่ใจนะคะ แต่ปรับระดับอารมณ์ได้แน่ๆค่ะ
คิดว่าต้องเข้าถึงแก่นแท้มากๆ ...จึงจะมีคำตอบ
ขอร่วมแสดงความเห็นนะคะ......
ยินดีครับ...ไม่นึกว่าน้องจากพรหมพิรามจะเป็นที่เข้าถึงดนตรีได้ลึกซึ้งปานนี้...
เท่าที่พี่ทราบ...ขณะนี้กระบวนการจัดการความรู้(KM)เข้าให้ความสนใจในการปูพื้นเรื่อง Deep listenning โดยใช้การฟังเพลงแล้ววิเคราะห์ให้เข้าถึงแก่นแท้แบบที่ฉัตรว่าแล้วแหละ...
เพลง ขอได้ไหม ของวงเซเว่น ที่อาจารย์วิไลนำเสนอเป็น Active listenning ในกระบวนการ Counselling(ในงานมหกรรมKM) ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง... ว่าง ๆ ลองหามาฟังดู... พี่ยังไม่ถึงขั้นแยกความรู้สึกของทั้ง 7 สาว เลยว่าแต่ละท่อนมีอารมณ์ความรู้สึกกี่แบบ...อิอิ
จังหวะ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ในปกติวิสัย เราไม่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อย่างเช่นว่า เราไม่สามารถที่จะก้าวขาขวาพร้อมกันกับขาซ้ายได้
หรือ จังหวะ อาจจะหมายถึง คำที่สมมุติให้กับสิ่งที่ผมอธิบายข้างบน(เหมือนไม่ได้ตอบอะไรเลย)
จังหวะ เมื่อรวมกันกับเสียง และการสมมุติของเราแล้ว เกิดเป็น สิ่งที่เราสมมุติอีกว่า "ดนตรี" หรือ "ทำนอง(นั้น)"
ผ่านการโปรแกรม(ฝังเข้าสู่สมอง)นานนนนนนนนนนน
จากรุ่นสู่รุ่น ก่อให้เกิดนิยามใหม่ คือ "ความไพเราะ" ความผิดเพี้ยนของการโปรแกรมนี้คือ (หรืออาจจะเรียกว่ากลายพันธ์ก็ได้)
แต่ละคนนิยามความไพเราะ ไม่เหมือนกัน เป็นผลทำให้ แต่ละคน แต่ละรุ่นชอบไม่เหมือนกัน
ยินดีครับคุณอุทัย....
ก้าวขาซ้ายพร้อมขวาไม่ได้ครับ...แต่ถ้าจะทำต้องกระโดดครับ....555
ถูกครับ...ความไพเราะขึ้นอยู่กับจริต...ซึ่งรวมถึงภาวะวิสัยของแต่ละคนด้วยครับ...
เพียงเรื่องเดียวที่ผมข้องใจคือ...ไม่ว่าชาติใดศาสนาใด ยุคไหน(ไม่รู้ว่ายุคไดโนเสาร์ด้วยมั้ย)...ใยถึงรู้จักจังหวะ...ดนตรีได้...