วันนี้ครู Eve นัดนั่งสมาธิ 45 นาทีก่อนฝึกคิวโดะ (อ่านบันทึกเกี่ยวกับคิวโดะได้ที่นี่ ค่ะ)
นั่งสมาธิแบบเถรวาทมาตั้งแต่ เด็กค่ะ แต่ไม่เคยได้เรียนรู้การนั่งสมาธิแบบเซ็นเลย จนกระทั่งวันนี้ อยากรู้มานานแล้วว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
แต่การนั่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกอีฟบอกว่าให้นั่งเพื่อความสงบและผ่อนคลายก่อน ยังไม่ต้องคิดอะไร อีกอย่างคื็อจริงๆแล้วนั่งแบบ Zazen จะนั่งแบบเงียบๆ ไม่มีคนพูดนำ (ไม่ใช่ guided meditation) แต่วันนี้จะพูดให้ทำตามก่อน วันหลังจะปล่อยให้นั่งเอง
-------------------------------------------------------------
ิ
ท่านั่ง: อีฟสอนว่าให้เอาอะไรมารองครึ่งก้น ไม่ใช่เพราะพื้นมันแข็งแต่มันทำให้กระดูกไขสันหลังตั้งตรง
คางต้องขนานกับพื้น ไม่ก้มหน้า ตรงหัวให้สมมุติว่าเหมือนมีจุกอยู่บนกลางหัว แล้วมีคนดึงขึ้นข้างบนตรงๆไม้ให้หัวเอียง
มือจะไว้บนเข่าสองข้าง หรือ จะวางมือทับกันไว้บนตักก็ได้
การหายใจ: ท่าพร้อมแล้วก็กำหนดลมหายใจเข้าออกโดยใช้กระบังลม
หายใจเข้า พุงออก หายใจออก พุงแฟบ
เวลาหายใจเข้าให้นึกว่าลมหายใจลงไปถึงจุดตันเถียนซึ่งเป็นจุด รวมพลังลมปราณ (Chi หรือ Qi ในภาษาจีน, Ki ในภาษาญี่ปุ่น, หรือ prana ในภาษาีอินเดีย) จุดนี้ี่อยู่ใต้สะดือเราลงไปประมาณ 3 นิ้วมือ (จุดนี้ชื่อ Tan Den ในภาษาญี่ปุ่น, Dan Tian ในภาษาจีน, หรือจุดจักราที่ 3 ในศาสตร์โยคะ)
ในขณะที่หายใจเข้าก็ให้นึกเป็นภาพ (visualise) ว่ามีแสงสะอาดบริสุทธิ์เข้ามาพร้อมกับลมหายใจด้วย เข้ามาทำให้เราสะอาด
เวลาหายใจออกให้ค่อยๆหายใจออกช้าๆยาวๆ เอาความเครียดในกล้ามเนื้อ ความสกปรกในร่างกายและในใจออกไปด้วย
จิต: ทำใจให้นิ่ง อยู่กับปัจจุบัน ถ้าใจแวบคิดอะไรก็บอกว่า "not now" หรือ "อย่าเพิ่ง" แล้วก็เชิญเอาความคิดนั้นออกไป กลับมาตั้งใจจับที่ลมหายใจเข้าออก
อีฟบอกว่าบางครูสอนว่าให้เอาจิตจับไว้กับอะไรก็ได้ที่มัน constant เช่น อีฟเคยไป retreat ที่นึง นั่งสมาธินอกตึกนอกบ้าน เค้าให้ตั้งจิตที่เสียงแม่น้ำที่ไหลผ่านแถวนั้น
-------------------------------------------------------------
- อีฟปล่อยให้นั่งเงียบๆ 20 นาที -
-------------------------------------------------------------
การหายใจ (ก่อนจบ): อีฟพูดนำอีกครั้งว่าให้ลองหายใจพร้อมๆกัน อีฟนำให้หายใจเข้าให้สุดแล้วก็ฝืนหายใจเข้าต่ออีกนิด แล้วค่อยหายใจออก พอสุดลมหายใจออก ก็ให้ฝืนปล่อยลมหายใจออกอีกนิดแล้วก็เริ่มหายใจเข้าใหม่
ทำอยู่แบบนี้ 3 ลมหายใจเข้าออก แล้วก็กลับไปหายใจแบบปกติ
ที่นี้ให้ลองสังเกตดูว่า พอกลับมาหายใจแบบปกติแล้ว เราหายใจได้ง่ายขึ้น ปอดได้รับการ "clear"
ที่สำคัญเราจะสามารถ"จับ" คือ "รู้เห็นทัน" ว่า มันมีช่่วงว่างประมาณ 2 วินาที ท้ายลมหายใจเข้าและออก ที่เราหยุดไม่ได้หายใจ
[ตอนนี้รู้สึกดีมากเพราะมันเตือนใจว่า เวลาเราทำกิจวัตรแต่ละวันนั้น เรามักจะไม่มีสติพอที่จะรู้ตัวว่าเราหายใจอยู่ แต่ถ้าเราหยุด เรามีสติ เราก็สามารถรู้และจับช่วง 2 วินาทีที่เราไม่หายใจนี้ได้]
-------------------------------------------------------------
นั่งต่อประมาณ 5 นาที อีฟก็บอกให้ลืมตา แล้วก็คุยกันต่ออีกซักพักก่อนเริ่มจัดห้องเพื่อซ้อมยิงธนู
ปล. ตั้งชื่อบันทึกนี้ว่า "ใช้'หมองนั่ง'มาธิ" เพราะมีคุณลุงน่ารัก สมาชิกร่วมฝึกคิวโดะคนนึง เหมือน อิคคิวซังมากค่ะ! : )
ขอขอบคุณอาจารย์มัทนา...
สวัสดีค่ะ น้องใหญ่,
แวะกลับมาทักทายแล้ว ดีใจที่ได้เจอในนี้ด้วย
ในฐานะที่เดินสายนั่งมาหลายอย่างมากแล้ว อยากจะแนะนำการเข้าคอร์สแบบครบถ้วนทั้งเดินจงกรมนั่งสมาธิและเจริญสติในชีวิตประจำวันแบบเถรวาทเรานี่แหละค่ะ แล้วพอทำเป็นก็สามารถเอาไปใช้ยิงธนูหรือทำอะไรต่าง ๆ ในชีวิตได้ตลอดเวลาที่มีลมหายใจและตื่นอยู่เลยน่ะจะว่าไปแล้ว
ที่ที่แนะนำก็คือที่เดียวกับที่เคยเล่าให้ฟังน่ะนะคะ คือ ที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ เพราะเขามีเบาะให้จัดนั่งได้ตัวตรงเหมือนเซนนี่แหละ แต่การสอนชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอนไปในแต่ละวัน มีการบรรยายเช้าเย็นเป็นภาคทฤษฏีแล้วการปฏิบัติในแต่ละคาบเราสามารถเห็นได้ด้วยตัวเองเลยว่าโจทย์แต่ละขั้นเราได้เรียนรู้อะไรของเราไปได้เองบ้าง มันไม่มีเคว้งเลยค่ะ จิตมีอะไรให้ไปจับและเรียนรู้และพัฒนาได้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไปเสมอ ตามกำลังและความสนใจใฝ่รู้ของแต่ละคน
ที่สำคัญคือ ฟรี หมด ด้วยล่ะค่ะ เรียนสนุกลุกนั่งสบาย ที่อยู่ที่พักก็เหมือนรีสอร์ท อากาศดี อาหารก็ดี เมืองไทยเรามีดีจริงๆ ค่ะ ที่ญี่ปุ่นนั้นนั่งจะออกเป็นสมถะเสียมาก คือได้ความสงบเป็นหลัก บางครั้งเราจะอยากได้คำตอบที่เป็นเหตุเป็นผล แล้วเราจะใจร้อน อยากรู้นู่นนี่ ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ในคอร์สวิปัสสนาจะมีเสน่ห์ตรงนี้แหละ คือ มีคำตอบสำหรับทุกคน ในทุก ๆเรื่อง ไม่ว่าใครจะไปด้วยโจทย์ไหน
อยากสงบหรือ? ก็จะได้ความสงบที่มากกว่าความสงบอื่น ๆ
อยากได้อะไรที่ตอบข้อสงสัย ก็จะได้
อยากท้าพิสูจน์เพราะไม่เชื่อว่าดี ก็จะได้คำตอบ
อยากพ้นทุกข์ บรรเทาเบาบางจากทุกข์ทางกาย และทางใจ ก็จะได้
จริง ๆ แล้วมีอีกเยอะ แต่นึกไม่ออก แหะ ๆ แต่ที่เห็นมาสามสิบกว่า retreats ในช่วงเวลาสามสี่ปีนี้ หนละอย่างน้อยอาทิตย์นึงนี่น่ะนะ สามารถยืนยันได้เลยว่าที่เชียงใหม่เจ๋งสุดจ้า สำหรับฆราวาสที่อยู่ในวิสัยผู้มีปัญญา ชอบอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล เป็นวิทยาศาสตร์มีเวลาน้อยและอยากได้อะไรที่คุ้มค่านำไปใช้ได้ตลอดชีวิตน่ะนะ
อาจารย์ที่นั่นท่านก็บล๊อกอยู่ในนี้ด้วยนะ ท่านไม่เชยเลยล่ะ ทั้งๆ ที่ทางธรรมก็เก่งมาก ไม่ธรรมดาเลยน่ะ ชื่อ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร
ถ้ามีโอกาส เชิญนะจ๊ะ นี่ก็ว่าจะชวนเซนเซดาบที่ญี่ปุ่นให้มาลองที่เชียงใหม่เหมือนกัน ต้องลองเขียนสคริปต์เป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน แหะๆ (อันนี้สงสัยจะใช้เวลาอีกแป๊บนึง)
สวัสดีจ้า,
พี่ณัชร