ตอน ตีโจทย์ให้แตก (วิเคราะห์สถานการณ์)
มีหนังสือพิมพ์บางฉบับ หรือบางคอลัมน์ที่มีพื้นที่ไว้สำหรับการลงงานเขียนประเภทบทความซึ่งแน่นอนที่สุดในการเขียนข่าวเพื่อเผยแพร่กิจกรรมของหน่วยงานนั้น นักประชาสัมพันธ์คงจะไม่ได้เขียนแต่เพียงข่าวแจกหรือภาพข่าวเท่านั้น เราคงต้องมีการเขียนประเภทบทความด้วย และลักษณะของบทความในแต่ละคอลัมน์ ของแต่ละหนังสือพิมพ์ก็จะมีความแตกต่างกัน เราต้องศึกษารูปแบบว่าหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะลงบทความประเภทไหน แนวใด และทำอย่างไรจึงจะได้รับความสนใจจากบรรณาธิการ
หน่วยงานของป้าเม้านั้นได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากสื่อมวลชนหลายแขนงในการนำเสนอข่าวสาร แต่ที่ป้าจะเล่าให้ฟังนี้เป็นหนังสือพิมพ์ซึ่งมีคอลัมน์ประเภทบทความลงเป็นประจำฉบับหนึ่ง บทความที่ลงพิมพ์เผยแพร่จะเป็นบทความประเภททั่วไปตามแต่ความคิดและทัศนคติของผู้เขียนในอันที่จะนำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และได้มีนักเขียนทั้งมืออาชีพตั้งแต่ผู้บริหารและมือสมัครเล่นเขียนส่งกันเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ป้าได้เห็นและติดตามอ่านบทความที่ลงนำเสนอในแต่ละฉบับป้าเม้ารู้สึกให้ความสนใจคอลัมน์นี้เป็นพิเศษ
ป้าเม้าเริ่มชักชวนบุคลากรและนักศึกษาในหน่วยงานให้เขียนบทความส่งให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว (บางท่านอาจคิดว่า ทำไมป้าเม้าช่างเป็นประชาสัมพันธ์ที่เกียจคร้าน เสียเหลือเกิน ทั้งที่หน้าที่ในการเขียนข่าว เขียนบทความนั้น เป็นหน้าที่ของประชาสัมพันธ์โดยตรง แต่กลับไปเที่ยวชักชวนให้ผู้อื่นเขียน เหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะป้าเห็นว่าบรรณาธิการท่านให้เกียรติผู้เขียนมากโดยจะระบุชื่อ นามสกุล และหน่วยงานปรากฏอย่างชัดเจนด้านล่างของบทความ หากบุคลากรหรือนักศึกษาของหน่วยงานเราเขียนบทความแล้วเกิดได้รับการลงพิมพ์ ก็เท่ากับเป็นการประกาศศักยภาพ รวมถึงหน่วยงานก็ได้ชื่อเสียง นี่คือสิ่งที่ป้าคิด)
แล้วป้าเม้าก็ได้นักศึกษามาท่านหนึ่ง หลังจากที่มึนงงกับการกล่อมของป้าเม้าอยู่พักใหญ่เลยหลวมตัวตกปากรับคำ เสร็จแล้วป้าเม้าก็กลับมานั่งคิดว่า ทำอย่างไรบรรณาธิการจึงจะให้ความสนใจ กับบทความที่ส่ง แล้วก็เห็นว่าในขณะนั้นสังคมกำลังจับจ้องให้ความสนใจเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ของไทย ฉะนั้น เราควรให้นักศึกษาเขียนเรื่องราวภาคใต้จะดีที่สุด แต่เขียนในทางสร้างสรรค์ เขียนให้เห็นถึงความสำคัญ ของความเป็นพี่น้อง เขียนให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชาติ เขียนให้เห็นถึงความรักที่คนไทยมีต่อกัน ว่าแล้วก็บอกให้นักศึกษาท่านนั้นหาข้อมูล แล้วก็เขียนมาให้ดูก่อนที่จะส่งเสนอบรรณาธิการ แล้วสวรรค์ก็เป็นใจบทความเรื่องนั้นก็ได้รับการลงพิมพ์เผยแพร่หลังจากที่ส่งเสนอให้บรรณาธิการเพียงไม่กี่วัน (นับเป็นความอนุเคราะห์อย่างที่สุดที่บรรณาธิการให้ความกรุณากับคนไกลปืนเที่ยงอย่างป้าเม้า)
หลังจากบทความได้ลงเผยแพร่ก็ได้รับโทรศัพท์จากญาติสนิทมิตรสหาย บ้านใกล้เรือนเคียงสอบถามทำอย่างไรจึงได้ลงพิมพ์ ส่งบทความเข้าไปเสนอเยอะไหม บทความเรื่องนี้ส่งมานานเท่าใดจึงได้รับการลงพิมพ์เพราะของเขาส่งไปหลายเรื่องมากแต่ยังไม่ได้ลงพิมพ์เลย เป็นต้น
แต่สิ่งที่น่ายินดีกว่านั้นก็คือ มีผู้โทรศัพท์เข้ามาแสดงความยินดีและชื่นชมในความสามารถ ของนักศึกษาผู้นี้อย่างมากมาย (ป้าเม้าขอเอาเกียรติเป็นประกันได้ว่าเรื่องที่เล่าเป็นความจริงไม่ได้โอ้อวด และไม่กล้าโอ้อวด เพราะทราบดีว่าการพูดในสิ่งที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งยวด)
...เป็นที่น่าเสียดายที่ภายหลังต่อมาคอลัมน์นี้ได้หายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเสียแล้ว...
ป้าเม้า
ขอบคุณ มากค่ะ คุณบอน กาฬสินธุ์
มีพลังในการเขียนขึ้นมาเยอะเลยค่ะ